สะพานข้ามเกาะช้าง หมื่นล้าน จี้รัฐทบทวน…ผลประโยชน์เพื่อใคร ?

Bridge over Koh Chang

“สะพานข้ามเกาะช้าง” เมกะโปรเจ็กต์ของจังหวัดตราดที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าโครงการก่อสร้างกว่า 10,000 ล้านบาท ด้วยศักยภาพความสำคัญด้านเศรษฐกิจของเกาะช้างที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับประเทศ มีนักท่องเที่ยวทั้งภายในและต่างประเทศมาท่องเที่ยวกันปีละ 1.6 ล้านคน สร้างรายได้ปีละ 16,000-17,000 ล้านบาท ถือเป็นกว่า 70% ของรายได้รวมจังหวัด

ยกคุณภาพชีวิตคนเกาะ

โดยที่ผ่านมาสะพานข้ามเกาะช้างถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่คนบนเกาะช้างและผู้ประกอบการที่เข้ามาทำธุรกิจรอคอยกันมานาน โดยปี 2559 ทางสมาคมอนุรักษ์ธรรมชาติและพิทักษ์สิ่งแวดล้อมตราด ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชน ภาครัฐ จำนวน 103 คน 80% เห็นด้วยกับการก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้างด้วยเหตุผล 2 ข้อ คือ ด้านคุณภาพชีวิตของชาวเกาะช้างเป็นอันดับ 1

โดยเฉพาะเมื่อเจ็บป่วยเวลากลางคืน ไม่สะดวกในการหาเรือมาโรงพยาบาลบนฝั่ง รวมถึงเด็ก ๆ บนเกาะไม่สะดวกในการเดินทางมาโรงเรียน ถ้ามีสะพานจะทำให้การดำเนินชีวิตประจำดีขึ้น และอันดับ 2 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่หลังจากรับฟังความคิดเห็นช่วงต้นก็ไม่มีการสานต่อโครงการ

จนมาถึงปี 2563 คณะกรรมการขับเคลื่อนไทยจังหวัดตราดเห็นชอบให้จังหวัดขับเคลื่อน ซึ่งทางจังหวัดได้เสนอเรื่องให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการ แต่เมื่อเดือนมกราคม 2564 กรมทางหลวงชนบทพิจารณาแล้วเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องใช้งบประมาณก่อสร้างมาก

รวมทั้งต้องใช้เทคนิคและข้อกำหนดพิเศษทางด้านวิศวกรรมในการออกแบบก่อสร้าง จำเป็นต้องศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ประกอบกับแนวก่อสร้างโครงการพาดผ่านทะเลอ่าวไทย ผ่านพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และพื้นที่ชั้นคุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ 2 จะต้องทำรายงาน EIA กระทรวงคมนาคมจึงให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เข้ามาดำเนินการ และได้เข้ามาศึกษาแนวเส้นทางที่จะก่อสร้าง และจุดขึ้น-ลงสะพาน

เปิดประชาพิจารณ์แต่ตั้งธงมา

ที่ผ่านมา กทพ.ได้เข้ามาศึกษาและมีแนวทางเส้นทางมาให้ประชาชนในพื้นที่เลือก 4 แนวเส้นทางที่จะก่อสร้างสะพาน และได้เปิดรับฟังความคิดเห็นตามขั้นตอน ครั้งที่ 1 ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับแนวทางที่ 1 และ 2 ซึ่งตามขั้นตอน กทพ.เก็บรวบรวมข้อมูล

ADVERTISMENT

และได้มาเปิดรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 2 เมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยนำเสนอว่า กทพ.ได้พิจารณาทางด้านเศรษฐกิจและสังคมแล้วเห็นควรให้เลือกแนวที่ 3 พร้อมขอความเห็นของประชาชนในพื้นที่ ปรากฏว่าประชาชนในพื้นที่ยังยืนกรานแนวทางที่ 1 และ 2 เช่นเดิม พร้อมขอให้ กทพ.ทบทวนแนวเส้นทางที่ 3 ที่เลือกไว้

โดย นายชาญวิทย์ อาจสมิติ ผู้จัดการโครงการทางพิเศษเชื่อมเกาะช้าง จ.ตราด ให้ข้อมูลว่า การประชุมรับฟังความคิดเห็นครั้งที่ 1 ทุกคนต้องการสะพานข้ามเกาะช้างเพราะสร้างประโยชน์ได้มาก ส่วนใหญ่ต้องการให้สร้างเส้นทางเลือกที่ 1 และ 2 ที่เชื่อมกับฝั่งด้าน อ.แหลมงอบ เพื่อเข้าสู่ตัวเมืองได้สะดวกรวดเร็ว ทำให้เศรษฐกิจ อ.แหลมงอบ อ.เมืองตราด ขยายตัว

ส่วนเส้นทางเลือกที่ 3 และ 4 จะส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะช้าง และด้วยมิติทางวิชาการ 3 ด้าน คือ ด้านวิศวกรรมและการจราจร ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน และด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยมิติด้านเศรษฐกิจและการลงทุนได้คะแนนสูงสุดกว่าทุก ๆ ด้าน ซึ่งพิจารณาค่าลงทุนตามระยะทาง เส้นทางเลือกที่ 3 มีความเหมาะสมที่สุด ด้วยระยะทาง 5.90 กม. งบฯก่อสร้างประมาณ 10,000 ล้านบาท

เปรียบเทียบกับเส้นทางเลือกที่ 1 ระยะทาง 9.82 กม. หรือเส้นทางที่ 2 ระยะทาง 9.92 กม. งบประมาณในการก่อสร้างจะต้องเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่า ประมาณเกือบ 20,000 ล้านบาท

“การเวตน้ำหนักด้านวิศวกรรมและการจราจร 90 คะแนน หรือคิดเป็น 30% ด้านเศรษฐกิจและการลงทุน 105 คะแนน หรือคิดเป็น 35% และด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม 105 คะแนน หรือคิดเป็น 35% การพิจารณาด้านวิศวกรรม ระยะทางน้อยกว่า จะใช้เวลาก่อสร้างสั้นกว่า จะได้คะแนนเต็ม ด้านเศรษฐกิจการลงทุนจะมีค่าก่อสร้างเวนคืนที่ดิน และระยะเวลาบำรุงรักษาระยะทางสั้นคุ้มค่ากว่า และโครงการนี้ต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA)” นายชาญวิทย์กล่าว

นายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี รองผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เส้นทางเลือกที่ 3 ระยะทาง 5-6 กม. งบประมาณ 10,000 ล้านบาท การเวนคืน 2,000 ล้านบาท ขณะที่เส้นทางเลือกที่ 1 และ 2 ลงทุน 17,000-18,000 ล้านบาท หากใช้งบประมาณน้อย กทพ.ลงทุนเองได้ โครงการเกิดขึ้นแน่นอนตามแผนที่จะก่อสร้างปี 2572-2576 จริง ๆ เส้นทางเลือกที่ 1-3 ระยะทางห่างกัน 10 กม. ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที

โดยที่ไม่ต้องเสียเวลารอเฟอรี่ 2-3 ชม. อย่างไรก็ตาม กทพ.จะพิจารณาทบทวนข้อเสนอต่าง ๆ ทั้งหมดอย่างรอบด้าน และปลายปี 2568 จะรับฟังความคิดเห็นอีกครั้ง

Bridge over Koh Chang

ชูท่องเที่ยวไม่เอาทางด่วน

ทพญ.วิภา สุเนตร ประธานหอการค้าจังหวัดตราด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากประสบการณ์ที่มีท่าเรือเฟอรี่ให้บริการไปเกาะช้างที่บ้านธรรมชาติ ฝั่ง อ.แหลมงอบ ที่เคยคึกคักกลับเงียบเหงา เห็นด้วยที่จุดขึ้นลงจะอยู่ที่ อ.แหลมงอบ เส้นทางเลือกที่ 1 แม้ว่ามูลค่าการก่อสร้างจะเพิ่มสูงขึ้น

แต่จะเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจจังหวัดตราดขยายตัว เปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวในอำเภอต่าง ๆ จากที่รัฐบาลมีงบฯช่วยพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน คิดมุมกลับจะได้ผลตอบแทนงบฯที่ลงทุนไป เข้าใจว่าในแง่ของการลงทุนเส้นทางเลือกที่ 3 คุ้มค่าที่สุด แต่ในเมื่อเส้นที่ 1 และ 2 มีผลต่อเศรษฐกิจของจังหวัดตราด ควรจะมีข้อมูลส่วนใดสนับสนุนเพื่อประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมตัดสินอีกครั้ง และส่วนต่างของงบฯการลงทุนก่อสร้างเป็นไปได้หรือไม่ที่ภาครัฐจะช่วยสนับสนุน

“เห็นด้วยกับความสำคัญที่จะก่อสร้างสะพานข้ามเกาะช้าง เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนเกาะช้างได้ใช้เดินทางมาเรียน รักษาพยาบาล ทำธุระต่าง ๆ ในตัวเมือง ซึ่งเส้นทางเลือกที่ 1 และ 2 สะดวก รวดเร็ว และยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวเดินทางสะดวก รวดเร็วมากขึ้น อาจจะพักค้างในเมืองเพิ่มขึ้นจากการมาพักเกาะช้าง และการออกแบบควรเป็น “สะพานเพื่อการท่องเที่ยว” เป็นแลนด์มาร์ก มีเอกลักษณ์ของเกาะช้างที่ไม่ใช่ทางด่วนทั่ว ๆ ไปให้นักท่องเที่ยวเห็นบรรยากาศ ความสวยงาม รวมทั้งควรกำหนดการใช้ความเร็ว ไม่ต้องใช้ความเร็วสูงเหมือนทางด่วนทั่วไป ด้วยระยะเวลาเพียง 5-6 กม. และควรมีพื้นที่พิเศษสำหรับจักรยานยนต์ จักรยาน ทางเดินเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด” ทพญ.วิภากล่าว

สะพานเพื่อจันทบุรีหรือตราด

นายธรา วัฒนวินิน ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.ตราด และประธาน กกร.ตราด กล่าวว่า จากการรับฟังความเห็น ครั้งที่ 1 ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเส้นทางเลือกที่ 1 เมื่อมารับฟัง ครั้งที่ 2 ผลการคัดเลือกเป็นเส้นทางเลือกที่ 3 โดยเส้นทางเลือกที่ 1 ด้านวิศวกรรมและการจราจรได้คะแนนมากกว่า

แต่ด้านเศรษฐกิจการลงทุนคะแนนน้อยกว่า 9 คะแนน ยังมีความคลางแคลงใจทางเลือกที่ 3 ของ กทพ.เรื่องตัวเลขวัดความคุ้มค่าจากปัจจัยอะไรบ้าง ควรพิจารณาประเด็นการลงทุนใหม่ให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด 7 อำเภอ ถ้าตัวเลขคะแนนสูงสุดเป็นเส้นทางเลือกที่ 1 ควรเปลี่ยนแปลง

“โครงการนี้เป็นเมกะโปรเจ็กต์ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดตราด โดยภาพรวมควรมอง Outcome มากกว่า Input Output ถ้ามอง Outcome เส้นทางที่ 1 จังหวัดตราดทุกอำเภอ ทั้ง 7 อำเภอได้ทั้งหมด แต่เลือกเส้นทางที่ 3 คือจังหวัดจันทบุรีได้ไปเต็ม ๆ” นายธรากล่าว

เช่นเดียวกับ นายสุทธิลักษณ์ คุ้มครองรักษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก กล่าวว่า ดูเหมือนว่าสะพานมีการคอมมิตเมนต์กันแล้ว 90% ด้วยงบประมาณเม็ดเงินที่ไม่สูงมาก กทพ.สามารถลงทุนได้ ไม่ต้องกู้และจะทำได้เลยไม่ยุ่งยาก การเปลี่ยนแปลงน่าจะยาก

แต่เห็นว่าเส้นทางเลือกที่ 1 สอดคล้องกับการพัฒนาจังหวัดตราด ที่โครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดมาจากภาคท่องเที่ยวมากกว่า 50% เส้นทางเลือกที่ 3 จะตอบสนองการท่องเที่ยวเฉพาะเกาะช้าง ซึ่งในข้อย่อยของการท่องเที่ยว เส้นทางเลือกที่ 1 และ 2 ได้ 9 คะแนน แต่เส้นทางที่ 3 และ 4 ได้ 4 คะแนน จุดขึ้นลงบนเกาะช้างไม่มีปัญหาตรงไหนก็ได้ แต่ฝั่งแหลมงอบควรเป็นแนวเส้นทางเลือกที่ 1

และ 2 ไม่ได้คัดค้านการก่อสร้างสะพานแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนว่าการประชุมรับฟังความคิดเห็นของชาวตราด แต่ทาง กทพ.ได้ตัดสินใจแทนคนจังหวัดตราดไปแล้ว

ผิดวัตถุประสงค์ชาวบ้าน

นายจักรกฤษณ์ สลักเพชร อดีตนายกเทศมนตรีตำบลเกาะช้างใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การเปลี่ยนเส้นทางจากทำประชาพิจารณ์ครั้งที่ 1 ประชาชนเลือกเส้นทางเลือกที่ 1 และ 2 มาเปิดประชาพิจารณ์ครั้งที่ 2 ผลการคัดเลือกเป็นเส้นทางเลือกที่ 3 และจำกัดต้องเฉพาะรถยนต์สี่ล้อขึ้นไปใช้สะพานได้ ควรย้อนกลับไปดูวัตถุประสงค์การขอสร้างสะพานข้ามเกาะช้างใหม่ ประชาชนต้องการเรื่องหลัก ๆ คือ 1) เดินทางเข้าตัวเมืองได้รวดเร็วเพื่อการเข้าถึงการรักษาพยาบาล การศึกษา การซื้อของกินของใช้ในชีวิตประจำวัน

เเละ 2) เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวรวมทั้งให้ตัวอำเภอแหลมงอบมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แต่การรับฟังความเห็นครั้งนี้ ผลการคัดเลือกเส้นทางเลือกที่ 3 และอนุญาตให้เฉพาะรถยนต์เท่านั้นที่ใช้สะพานได้ ถ้าสะพานสร้างเสร็จเรือเฟอรี่หยุดให้บริการ คนไม่มีรถยนต์กับนักท่องเที่ยวที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์จะไปมาอย่างไร

“เส้นทางเลือกที่ 3 ไกลจากตัวเมืองมากขึ้น โดยอ้างถึงงบประมาณของรัฐแต่ไม่นึกถึงค่าใช้จ่ายของชาวบ้านที่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและระยะทางที่ไกลขึ้น ประชาชนเกาะช้างเห็นชอบกับการก่อสร้างสะพานมาโดยตลอด แต่เพิ่งจะชี้แจงให้ข้ามเฉพาะรถสี่ล้อขึ้นไป ในความเป็นจริงคนบนเกาะช้างมีจักรยานยนต์ จักรยาน ควรได้รับความเท่าเทียมกันเเละควรจำกัดความเร็วของรถยนต์ที่ใช้สะพานที่มีระยะทางสั้น ๆ เพื่อความปลอดภัยด้วย” นายจักรกฤษณ์กล่าว

หวังหนุนเศรษฐกิจทั้งจังหวัดโต

นางสาวจารุวรรณ จินตกานนท์ นายกสมาคมการค้าตราดเวลเนส เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จุดขึ้นลงสะพานเส้นทางเลือกที่ 1 หรือ 2, 3, 4 เส้นทางใดรับได้หมด ขอให้มีการก่อสร้างและใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ ไม่ใช่เพียงศึกษา สะพานข้ามเกาะช้าง วัตถุประสงค์หลักคือความสะดวกที่คนเกาะช้างต้องการใช้เดินทางในชีวิตประจำวันเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

รวมทั้งนักท่องเที่ยวที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว จากปัญหาการรอลงเรือเฟอรี่ เข้าใจว่าเส้นทางที่มีความเหมาะสม ในแง่ของผู้ลงทุน ต้องคุ้มค่า เกาะช้างเป็นพื้นที่อุทยาน มีพื้นที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเพียง 7.5% ปี 2567 สร้างรายได้ 16,000 ล้านบาท การลงทุนสร้างสะพานข้ามเกาะช้างเป็น Public Good ที่ทุกคนเข้าถึงได้ และช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งการลงทุนและปริมาณนักท่องเที่ยว และราคาที่ดินของชาวบ้านที่ปรับตัวสูงขึ้น

ขณะเดียวกันการจับจ่ายใช้สอยบนฝั่งจากเกาะช้างจะเพิ่มสูงขึ้น โดยที่ต้นทุนการผลิตบนเกาะช้างจะลดลง

“เกาะช้างเป็นหมุดหมายพัฒนาการท่องเที่ยว TRAT Wellness & Safety Tourism เจาะตลาดระดับไฮเอนด์ กลุ่มกำลังซื้อสูงประมาณ 50% จังหวัดตราดมีรายได้ท่องเที่ยวปีละเกือบ 20,000 ล้านบาท อีก 6-10 ปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 35,000 ล้านบาท ด้วยแม็กเนตสะพานข้ามเกาะช้างจากปัจจัยโครงสร้างพื้นฐาน นอกจากการพัฒนากิจกรรมท่องเที่ยว การยกระดับการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งยังช่วยยกระดับความเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดตราด ที่ผ่านมารายได้จากการท่องเที่ยวเกาะช้างปีละประมาณ 60% คือ 8,000-9,000 ล้านบาท ใช้จับจ่ายซื้ออาหารสด วัตถุดิบต่าง ๆ ในจังหวัดตราด” นางสาวจารุวรรณกล่าว

นายดำรงศักดิ์ ยอดทองดี รอง ผวจ.ตราด เปิดเผยว่า เกาะช้างเป็นหมุดหมายนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว 70% ของจังหวัด จังหวัดตราด 50% รายได้มาจากภาคการท่องเที่ยว อีก 50% มาจากภาคเกษตรกรรมบนฝั่ง

โครงการนี้เป็นเมกะโปรเจ็กต์ของจังหวัดตราด เรามีโอกาสพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ควรขยายโอกาสให้กับพื้นที่ให้ทั่วถึงทั้งจังหวัด 7 อำเภอ ไม่ใช่เฉพาะอำเภอเกาะช้างอำเภอเดียว เพราะโอกาสอย่างนี้มีไม่มาก และหวังว่าโครงการนี้จะเกิดขึ้นโดยเร็ว

เปิด 4 ทางเลือกแนวสะพาน รัฐตั้งธงเลือกแนว 3 เมินเสียงชาวบ้าน

กทพ.ได้ศึกษา 4 แนวเส้นทางในการก่อสร้างสะพานและได้เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่จังหวัดตราด แต่กทพ.ได้เลือกแนวที่ 3 ว่าเหมาะสมสุด

สำหรับแนวเส้นทางเลือกที่ 1 จุดเริ่มต้นแนวเส้นทางอยู่บนทางหลวงหมายเลข 3156 บริเวณ กม.0+850 บ้านหนองปรือ ต.แหลมงอบ อ.แหลมงอบ จ.ตราด แนวเส้นทางจะมุ่งตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ผ่านพื้นที่เกษตรกรรม และตัดผ่านขอบพื้นที่ศูนย์กู้ภัยอุทยานแห่งชาติภาคตะวันออก ตัดผ่านถนนอนุสรณ์สถาน และเข้าสู่พื้นที่ทะเล

จากบริเวณระหว่างท่าเรือกรมหลวงชุมพร และท่าเรือเฉลิมพล จากนั้นแนวเส้นทางจะมุ่งตรงไปที่เกาะช้างตัดผ่านเส้นทางการเดินเรือ และไปเชื่อมเข้ากับถนน อบจ.ตร.10026 บริเวณ กม.8+550 ในเขตพื้นที่บ้านด่านใหม่ ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด สำหรับจุดเริ่มต้นของแนวเส้นทางที่บ้านหนองปรือจะตัดผ่านพื้นที่อยู่อาศัยบ้างเล็กน้อย

ส่วนในทะเลบริเวณที่ตัดผ่านเส้นทางเดินเรือต่าง ๆ แนวเส้นทางจะยกสูง เพื่อให้เรือชนิดต่าง ๆ สามารถลอดผ่านได้ โดยจุดสิ้นสุดของแนวเส้นทางที่เกาะช้างจะตัดผ่านพื้นที่นันทนาการ และมีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยประปรายไม่หนาแน่น มีระยะทางรวมทั้งสิ้น ประมาณ 9.82 กิโลเมตร

แนวเส้นทางเลือกที่ 2 จุดเริ่มต้นแนวเส้นทางจะเป็นตำแหน่งเดียวกันกับแนวเส้นทางเลือกที่ 1 บนทางหลวงหมายเลข 3156 บริเวณ กม.0+850 โดยแนวเส้นทางจะมุ่งตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ผ่านพื้นที่เกษตรกรรม และตัดผ่านขอบพื้นที่ศูนย์กู้ภัยอุทยานแห่งชาติภาคตะวันออก ตัดผ่านถนนอนุสรณ์สถาน และเข้าสู่พื้นที่ทะเล

จากบริเวณระหว่างท่าเรือกรมหลวงชุมพร และท่าเรือเฉลิมพล จากนั้นแนวเส้นทางจะมุ่งตรงไปที่เกาะช้าง ตัดผ่านเส้นทางการเดินเรือ แล้วไปเชื่อมเข้ากับถนน อบจ.ตร.10026 บริเวณ กม.6+750 ในเขตพื้นที่บ้านด่านใหม่ ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด สำหรับจุดเริ่มต้นของแนวเส้นทางที่บ้านหนองปรือจะตัดผ่านพื้นที่อยู่อาศัยบ้างเล็กน้อย

Bridge over Koh Chang

ส่วนในทะเลบริเวณที่ตัดผ่านเส้นทางเดินเรือต่าง ๆ แนวเส้นทางจะยกสูงเพื่อให้เรือชนิดต่าง ๆ สามารถลอดผ่านได้ ส่วนบริเวณก่อนถึงชายฝั่งของเกาะช้าง แนวเส้นทางจะยกข้ามพื้นที่ปะการัง ซึ่งมีความกว้างประมาณ 100 เมตร โดยจุดสิ้นสุดของแนวเส้นทางที่เกาะช้างจะตัดผ่านพื้นที่นันทนาการ และมีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยประปรายไม่หนาแน่น ระยะทางรวมทั้งสิ้น ประมาณ 9.95 กิโลเมตร

แนวเส้นทางเลือกที่ 3 จุดเริ่มต้นแนวเส้นทางอยู่บนทางหลวงชนบทหมายเลข ตร.4006 บริเวณ กม.2+840 บ้านธรรมชาติล่าง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด โดยแนวเส้นทางจะมุ่งตรงไปทางทิศใต้ ผ่านพื้นที่เกษตรกรรม และเข้าสู่พื้นที่ทะเล จากบริเวณด้านทิศตะวันตกของท่าเทียบเรือประมงพื้นบ้านธรรมชาติล่าง

จากนั้นแนวเส้นทางจะมุ่งตรงไปที่เกาะช้าง ตัดผ่านเส้นทางการเดินเรือ แล้วไปเชื่อมเข้ากับถนน อบจ.ตร.10026 บริเวณ กม.5+300 ในเขตพื้นที่บ้านด่านใหม่ ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด สำหรับบริเวณจุดเริ่มต้นของแนวเส้นทางที่บ้านธรรมชาติล่างจะตัดผ่านพื้นที่อยู่อาศัยบ้างเล็กน้อย ส่วนในทะเลบริเวณที่ตัดผ่านเส้นทางเดินเรือต่าง ๆ แนวเส้นทางจะยกสูงเพื่อให้เรือชนิดต่าง ๆ สามารถลอดผ่านได้ ส่วนบริเวณชายฝั่งของเกาะช้าง แนวเส้นทางจะยกข้ามพื้นที่ปะการัง

ซึ่งมีความกว้างประมาณ 100-150 เมตร โดยจุดสิ้นสุดของแนวเส้นทางที่เกาะช้างจะตัดผ่านพื้นที่นันทนาการ และมีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยประปราย ไม่หนาแน่น ระยะทางรวมทั้งสิ้น ประมาณ 5.90 กิโลเมตร

และแนวเส้นทางเลือกที่ 4 จุดเริ่มต้นแนวเส้นทางอยู่บนทางหลวงชนบทหมายเลข ตร.4006 บริเวณ กม.3+500 บ้านธรรมชาติล่าง ต.คลองใหญ่ อ.แหลมงอบ จ.ตราด โดยแนวเส้นทางจะมุ่งตรงไปทางทิศใต้ ผ่านพื้นที่เกษตรกรรม และเข้าสู่พื้นที่ทะเล จากบริเวณด้านทิศตะวันตกของท่าเรือเกาะช้างอ่าวธรรมชาติ จากนั้นแนวเส้นทางจะมุ่งตรงไปที่เกาะช้าง ตัดผ่านเส้นทางการเดินเรือ แล้วไปเชื่อมเข้ากับถนน อบจ.ตร.10026 บริเวณ กม.1+900

ในเขตพื้นที่บ้านคลองสน ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง สำหรับบริเวณจุดเริ่มต้นของแนวเส้นทางที่บ้านธรรมชาติล่างจะตัดผ่านพื้นที่เกษตรกรรม ส่วนในทะเลบริเวณที่ตัดผ่านเส้นทางเดินเรือต่าง ๆ แนวเส้นทางจะยกสูงเพื่อให้เรือชนิดต่าง ๆ สามารถลอดผ่านได้

ส่วนบริเวณก่อนถึงชายฝั่งของเกาะช้าง แนวเส้นทางจะยกข้ามพื้นที่ปะการัง ซึ่งมีความกว้าง 100-150 เมตร โดยจุดสิ้นสุดของแนวเส้นทางที่เกาะช้างจะตัดผ่านพื้นที่นันทนาการ และมีบ้านเรือนที่อยู่อาศัยประปราย ไม่หนาแน่น ระยะทางรวมทั้งสิ้น ประมาณ 5.59 กิโลเมตร