เปิดมุมมอง “เอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์” กับ EEC ความหวังใหม่ท่องเที่ยว “พัทยา”

กระแสเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ถือว่าช่วยกระตุ้นทิศทางเศรษฐกิจ การลงทุน และอีกหลายด้านใน 3 จังหวัดภาคตะวันออก คือ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง ให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาในมุมมองของ “เอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์” นายกสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ได้ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ตามยุทธศาสตร์ของอีอีซีได้วางแผนให้เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวในระดับไฮเอนด์ โดยจะมีการท่องเที่ยวทั้งกิจกรรมเอ็นเตอร์เทนแบบครอบครัว เปิดตลาดรองรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มผู้สูงอายุมากขึ้น

ซึ่งผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวมีความคาดหวังว่าการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาจะเติบโตขึ้น แม้ว่าเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมจะเป็นเรื่องหลักใน EEC เพราะหากมองพื้นที่ในภาคตะวันออก เมืองพัทยาถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เติบโตเร็วและสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากที่สุด ส่วนเขตแหลมฉบังขึ้นชื่อในเรื่องของท่าเรือ ศรีราชาจะรองรับประชากรจากภาคอุตสาหกรรม ด้านจังหวัดระยองและฉะเชิงเทรา จะเป็นจังหวัด EEC ที่มีการท่องเที่ยวแบบเชื่อมโยงกันในภาพรวมทั้งด้านวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวชุมชน และคาดว่าสถิติการเติบโตของนักท่องเที่ยวเมืองพัทยาในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 10-15% จาก 12 ล้านคนในปีที่ผ่านมา

โดยนโยบาย EEC ของรัฐบาลส่งผลให้ราคาที่ดินในเมืองพัทยาสูงขึ้นไม่น้อยกว่า 30-50% ตามราคาน้ำมันที่ขยับเพิ่มทุกปี ซึ่งผู้ประกอบการคาดหวังว่านักท่องเที่ยวจะมากขึ้นตามไปด้วย เพราะเมืองพัทยาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในหลากหลายรูปแบบ ทั้งมีข่าวความเคลื่อนไหวของนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนเป็นระยะและเริ่มเห็นเป็นรูปธรรม โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการลงทุนด้านอุตสาหกรรม ส่วนการพัฒนาเมืองจะเป็นเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน และระบบโดยสารสาธารณะ ต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้เดินทางสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

“ผมมั่นใจว่าโครงการ EEC จะต้องสำเร็จแน่นอน เพราะรัฐบาลเอาจริง เบื้องต้นมีโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเข้ามา สนามบินอู่ตะเภาถูกพัฒนาให้เป็นสนามบินพาณิชย์ เพียงแค่ 2 โครงการสามารถดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ได้มากกว่าปกติเกือบเท่าตัว โครงการมอเตอร์เวย์เฟส 2 ที่เชื่อมพัทยาไปถึงระยองกำลังพัฒนาอยู่ ภาคธุรกิจมองว่าความเจริญมาแน่นอน นักท่องเที่ยวที่เข้ามาทางสนามบินอู่ตะเภาจะต้องเลือกพัทยาเป็นที่พักผ่อน”

ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาที่จะตามมาคือนักท่องเที่ยวจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่รายได้ของผู้ประกอบการกลับลดลง โดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงแรม ห้องพัก เนื่องจากมีปัญหาการตัดราคากัน เพราะโรงแรมมีมากเกินกว่าจำนวนนักท่องเที่ยว หลายโรงแรมทั้งระดับ 5 ดาวมีบริษัททัวร์จีนมากดราคาและยอมลดราคาเพื่อดึงลูกค้าไว้ ถึงว่าตลาดการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาจะค่อนข้างหลากหลาย ผู้ประกอบการโรงแรมสามารถเลือกเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวได้ แต่เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีอาจจะขยับราคาขึ้นยาก

ทั้งนี้ “เอกสิทธิ์” บอกว่า นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในเมืองพัทยาปัจจุบันอันดับ 1 คือชาวจีน ถัดมาคือเกาหลี และรัสเซีย ซึ่งกระแสของอาลีบาบาที่เข้ามาทำบันทึกข้อตกลง (MOU) กับประเทศไทยนับว่าเป็นการร่วมมือที่ดี หากมีการลงทุนประเทศไทยและในพื้นที่ ผู้ประกอบการธุรกิจด้านการท่องเที่ยวก็คาดหวังว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่อาจจะเข้ามาช่วยยกระดับการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาได้ เพราะเริ่มมีแนวโน้มของนักท่องเที่ยว F.I.T. (free individual traveler) จากประเทศจีนมาท่องเที่ยวด้วยตัวเองโดยไม่ผ่านทัวร์มากขึ้น รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจากยุโรป อเมริกา ซึ่งนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีกำลังซื้อมาก สามารถเพิ่มรูมเรตเพิ่มยอดขายกระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบการอย่างเต็มที่ ไม่กระจุกตัวอยู่จุดเดียว

“เมืองพัทยาหนีไม่พ้นเรื่องท่องเที่ยวกับเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ยิ่งตอนนี้กระแสการสร้าง EEC กำลังคึกคัก คนเริ่มย้ายเข้ามาอยู่ในพื้นที่มากขึ้น ซึ่งการลงทุนในเมืองพัทยานั้นมีผลกำไรอยู่แล้วอย่างแน่นอน และแทบจะไม่มีพื้นที่เหลือแล้ว ทั้งทำธุรกิจส่วนตัว โรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งเมืองพัทยาโตเร็วเกินไป การพัฒนาแก้ไขปัญหาบางอย่างเกิดความล่าช้าในบางครั้ง แต่ผู้ประกอบการธุรกิจอย่างโรงแรมที่พักที่ถูกตัดราคาค่อนข้างเก่ง สามารถปรับตัวได้ เมื่อตลาดนี้ไม่ดี ก็หาแนวทางเปลี่ยนตลาด โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนมีมาแรงอยู่แล้วแบบสม่ำเสมอ จนช่วงระยะเวลาหนึ่งที่รัสเซียมีกำลังซื้อสูงก็แซงขึ้นมา แต่ก็ตกไปตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศ แต่เราคาดหวังที่จะให้กลับมาเหมือนเดิม”

นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวคนไทยในเมืองพัทยาเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีกำลังซื้อในทุกระดับ และเมืองพัทยาเองถือว่าเป็นศูนย์กลางการประชุมสัมมนาอีกแห่งหนึ่ง ฉะนั้นการเกิด EEC คือ อีกหนึ่งความหวังของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของเมืองพัทยา ที่จะเข้ามายกระดับการท่องเที่ยวให้มีคุณภาพมากขึ้น