กลุ่มทุนรุมเหมืองทอง รัฐฉาน หายนะสารพิษแม่น้ำกก-แม่น้ำโขง

toxins

ประเทศเมียนมาเป็นพื้นที่ผลประโยชน์เหมืองแร่ที่มีมากมายมหาศาล ทั้งในรัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่น ๆ เช่น ภูมิภาคสะกาย (Sagaing Region) เป็นต้น

โดยเฉพาะรัฐฉาน กลายเป็นขุมทรัพย์เหมืองทองคำของมหาอำนาจจีน ที่กำลังรุมทึ้งแร่หายาก (Rare Earth) ในพื้นที่ต้นน้ำกก โดยในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิตทั่วโลก

จีนขึ้นแป้นแชมป์ผลิตทองคำ

USGS (United States Geological Survey) ได้ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ

ซึ่งใต้ดินของแอฟริกาใต้มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมาคือ รัสเซีย ราว 7,000 ตัน และจีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตราว 6,328 ตัน ตามมาด้วย สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และเปรู

ทว่า ในปี 2564 พบว่า จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิตทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s Mines and Projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ได้แก่

1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 Ounces of Gold ในปี 2563

2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลชานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 Ounces of Gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566

ADVERTISMENT

3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลชานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 Ounces of Gold ในปี 2563

4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลชานตง ผลิตทองคำได้ประมาณ 218,000 Ounces of Gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571

5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ประมาณ 207,000 Ounces of Gold

กราฟิก ประทานบัตรเหมืองทองคำ

กลุ่มทุนรุมทึ้งรัฐฉาน

มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และสหภาพนักศึกษาไทใหญ่ ระบุว่า เหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน โดยมีบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลง ในตำบลเมืองเลน และปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิด ได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง

การปล่อยน้ำจากการทำเหมืองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม ทำให้ลำน้ำตื้นเขิน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน รวมถึงมีมลพิษเจือปนในระดับสูง การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน

ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบันมีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูง ได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ

โดยในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่ บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตร จดทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์ (Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง

ระยะยาวกระทบแม่น้ำโขง

ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำสำนักวิชานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง (มฟล.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดน ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลาง ที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้

ดร.สืบสกุล กิจนุกร
ดร.สืบสกุล กิจนุกร

คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน ซึ่งกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้

ทั้งนี้ ในลำน้ำกกจะมีฝายเชียงราย (ฝายป่ายางมน) ตั้งอยู่บ้านป่ายางมน ตำบลรอบเวียง เป็นฝายทดน้ำเข้าพื้นที่ชลประทาน ซึ่งเป็นจุดที่ดักตะกอนในลำน้ำกกไว้ทั้งหมด ดังนั้น สารโลหะหนักจากเหมืองทองคำก็จะปนอยู่ในตะกอน ขณะนี้กำลังรอผลตรวจคุณภาพน้ำบริเวณนี้ สำหรับประเด็นนี้ค่อนข้างน่ากังวลอย่างมาก เพราะตะกอนที่อยู่หน้าฝายก็จะเต็มไปด้วยสารโลหะหนักทั้งหมดที่มีจำนวนมหาศาล

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธุ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง MRC ต้องแสดงบทบาทในการแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วนและจริงจัง โดยต้องมีการตรวจแม่น้ำโขงตลอดทั้งลำน้ำ ซึ่งหากสารพิษในแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม แน่นอนว่าระยะยาวจะส่งผลกระทบต่ออนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จี้ตรวจเหมืองแร่ท่าขี้เหล็ก

ดร.สืบสกุลกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา มีการขุดทองในวงกว้างเกิดขึ้นริมแม่น้ำกกในเมืองยอน ตอนใต้ของอำเภอเมืองสาด รัฐฉาน ซึ่งเป็นพื้นที่ใต้การควบคุมของกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) มีบริษัทจีนหลัก 4 แห่ง ที่ดำเนินการขุดเหมือง โดยมีพนักงานมากกว่า 300 คน

จากรายงานข้อมูลของมูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ ที่ได้มีการเปิดเผยรายชื่อบริษัทเหมืองแร่ที่ได้สัมปทานทำเหมืองแร่แมงกานีสไดออกไซด์ ในเมืองโก ท่าขี้เหล็ก รัฐฉานตะวันออก มีจำนวน 9 บริษัท และบริษัทที่ได้รับประทานบัตรทำเหมืองทองคำ ในเมืองเลน จังหวัดท่าขี้เหล็ก มีจำนวน 20 บริษัท ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทเหล่านี้เป็นทุนจีนหรือไม่ ซึ่งบางบริษัทชื่อคล้ายจีน ขณะที่บางบริษัทชื่อคล้ายเมียนมา อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการร่วมทุนระหว่างจีนกับเมียนมาหรือไม่

ประเด็นนี้จะต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัด เป็นประเด็นหนึ่งที่ภาคประชาสังคมตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มบริษัทเหล่านี้ น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำเหมืองและเป็นต้นเหตุการปล่อยสารพิษสู่แม่น้ำกกและแม่น้ำสายหรือไม่ จึงต้องการให้รัฐบาลไทยเร่งตรวจสอบบริษัทเหล่านี้ในเมืองท่าขี้เหล็ก และที่สำคัญในแง่ Supply Chain จะทำให้รู้ว่าต้นตอมาจากไหน และการตรวจสอบย้อนกลับมีเส้นทางการทำธุรกิจอย่างไร ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นปัญหาในระดับภูมิภาค (Regional)

ทั้งนี้ รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย

นางสาวเพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ

โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศเมียนมา การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำ ซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า

ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว 
ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา

มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสายปนเปื้อนสารพิษ และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงอย่างปฏิเสธไม่ได้ สงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำ ที่ทำให้คนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤตจากสารพิษที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเหมืองของลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำกก สาย โขง แบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่

toxins

สารหนู ‘แม่น้ำกก’ เชียงราย ‘เกิน’ ค่ามาตรฐาน

สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) กรมควบคุมมลพิษ ระบุว่า ผลการตรวจวัดโลหะหนักในแหล่งน้ำผิวดินแม่น้ำกก ในช่วงเดือนเมษายน 2568 จำนวนทั้งสิ้น 12 จุด โดยอยู่ในพื้นที่บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 3 จุด และจังหวัดเชียงราย จำนวน 9 จุด โดยทำการตรวจวัดโลหะหนักทั้งหมด 9 ชนิด

คือ แคดเมียม (Cd), โครเมียม (Cr), แมงกานีส (Mn), นิกเกิล (Ni), ตะกั่ว (Pb), สังกะสี (Zn), ทองแดง (Cu), ปรอท (Hg), สารหนู (As) ซึ่งผลการตรวจวัด พบว่า จังหวัดเชียงราย โลหะหนักเกินมาตรฐาน คือ สารหนู (As) จำนวน 6 จุด จากทั้งหมด 9 จุด ดังนี้ บริเวณสะพานเฉลิมพระเกียรติ 1 อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนูเท่ากับ 0.012 มิลลิกรัม/ลิตร (mg/L)

บริเวณสะพานแม่ฟ้าหลวง หน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย ต.รอบเวียง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนูเท่ากับ 0.014 mg/L บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำกก ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนูเท่ากับ 0.016 mg/L บริเวณบ้านโป่งนาคำ ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนูเท่ากับ 0.015 mg/L บริเวณสะพานมิตรภาพแม่ยาว-ดอยฮาง ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนูเท่ากับ 0.016 mg/L บริเวณบ้านจะเด้อ ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย มีค่าสารหนูเท่ากับ 0.019 mg/L

ขณะที่จังหวัดเชียงใหม่ โลหะหนักเกินมาตรฐาน คือ สารหนู (As) ทั้ง 3 จุด ได้แก่ 1) บริเวณสะพานสองดินแดนบ้านแม่สลัก บ้านใหม่หมอกจ๋าม ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีค่าสารหนูเท่ากับ 0.024 mg/L 2) บริเวณสะพานมิตรภาพแม่นาวาง-ท่าตอน ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีค่าสารหนูเท่ากับ 0.012 mg/L และ 3) บริเวณชายแดนไทย-พม่า หย่อมบ้านแก่งตุ๋ม ม.14 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีค่าสารหนูเท่ากับ 0.037 mg/L

toxins

นอกจากนี้ สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามและเก็บตัวอย่างน้ำผิวดินในแม่น้ำสาขาเพิ่มเติม ได้แก่ แม่น้ำลาว แม่น้ำกรณ์ แม่น้ำสรวย รวมถึงแม่น้ำโขง และแม่น้ำสาย ระหว่างวันที่ 1-2 พฤษภาคม 2568 จำนวนทั้งสิ้น 8 จุด ได้แก่ แม่น้ำสาขา จำนวน 3 จุด ซึ่งเป็นลำน้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำกก ได้แก่ แม่น้ำลาว 1 จุด แม่น้ำกรณ์ 1 จุด และแม่น้ำสรวย 1 จุด

ในพื้นที่จังหวัดเชียงราย แม่น้ำโขง จำนวน 2 จุด บริเวณจุดก่อนที่แม่น้ำกกไหลลงบรรจบแม่น้ำโขง ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และจุดที่แม่น้ำกกไหลลงแม่น้ำโขง ผ่านบริเวณสบกก ที่บ้านแซว ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

แม่น้ำสาย จำนวน 3 จุด บริเวณพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ตั้งแต่จุดแรกบริเวณที่ใกล้ประเทศเมียนมามากที่สุด คือ ชายแดนไทย-พม่า บริเวณบ้านหัวฝาย ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผ่านสะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 2 และก่อนจะบรรจบแม่น้ำรวกบริเวณบ้านป่าซางงาม ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย

ทั้งนี้ จากกรณีตรวจสอบคุณภาพน้ำสายปนเปื้อนสารหนู และจากการประชุมหารือคณะทำงาน ฝ่ายปฏิบัติ และตรวจสอบคุณภาพ จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ศาลากลางจังหวัดเชียงราย โดยมี นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานในการประชุม ซึ่งที่ประชุมมีมติให้สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) พิจารณาตรวจวัดคุณภาพน้ำเพื่อหาความปนเปื้อนของโลหะหนักในแม่น้ำสาย

ขณะเดียวกัน สคพ.1 ได้ลงพื้นที่ร่วมกับสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงราย ปกครองอำเภอแม่สาย มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย สาขาวิชาสารสนเทศภูมิศาสตร์ ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำผิวดินเพื่อตรวจวิเคราะห์โลหะหนักในแหล่งน้ำ แม่น้ำสาย จำนวน 3 จุด ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 โดยอยู่ระหว่างการตรวจวิเคราะห์ทางสิ่งแวดล้อม