ไทย-กัมพูชาอีกครั้ง

ชายแดน ไทย-กัมพูชา ช่องจอม
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

แนวชายแดนตะวันออก ไทย-กัมพูชา เกิดปัญหาขึ้นอีก จากกรณีปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งมีชาวกัมพูชาขอเข้ามาเยี่ยมชมและร้องเพลงชาติ ต่อมา 28 พ.ค. ทหาร 2 ฝ่ายปะทะที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ผู้นำกัมพูชาแสดงท่าทีไม่พอใจ และประกาศว่า จะนำปัญหาพิพาทชายแดนที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี, ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก ร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ

ขณะที่ทางฝ่ายไทย มีความเคลื่อนไหวขอปิดด่านชายแดน 6 แห่ง และจุดผ่อนปรน 10 แห่ง แต่รัฐบาลยืนยันให้เปิดให้ประชาชน 2 ประเทศได้ไปมาหาสู่และทำธุรกิจกันต่อไป

ข่าวลือจะปิดด่านชายแดนทุกแห่ง ทำให้เกิดผลกระทบ ธุรกิจการค้า 2 ประเทศลดความคึกคักลงไป นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศเผยว่า หลังเกิดเหตุปะทะที่ช่องบก ฝ่ายไทยได้ประสานกับกัมพูชาในหลายระดับ ทั้งพูดคุยทางโทรศัพท์กับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา การพบปะระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 29 พ.ค. และในวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้หารือกับรองนายกฯและ รมว.ต่างประเทศกัมพูชา อีกครั้งระหว่างการประชุมที่ญี่ปุ่น

รวมถึงการหารือกับสมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เห็นร่วมกันว่าจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อลดความตึงเครียด ผ่าน 3 กลไกหลัก คือ กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC, คณะกรรมการร่วมมือ
รักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดนทั่วไป หรือ GBC และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ตามแนวทางที่ผู้นำทั้งสองประเทศเคยตกลงกัน

ไทยและกัมพูชา เคยมีข้อขัดแย้งที่ต้องไปตัดสินที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมาแล้ว คือกรณีเขาพระวิหาร ในปี 2505 และต่อมาในปี 2554-2556 ปัจจุบันเขาพระวิหารอยู่ในอำนาจอธิปไตยของกัมพูชา บทเรียนจากข้อพิพาทดังกล่าวก็คือ การขยายประเด็นเป็นเรื่องการเมือง เพื่อให้เกิดผลกับบางฝ่าย สำหรับข้อพิพาทในครั้งนี้ เกิดขึ้นในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำ 2 ประเทศเป็นไปด้วยดี เป็นปัญหาเขตแดนที่ 2 ฝ่ายเจรจากันอยู่แล้ว ก่อนขยายตัวอย่างฉับพลันกลายเป็นข้อพิพาท

ข้อควรระวังจากบทเรียนที่ผ่านมาก็คือ ไทยและกัมพูชาต้องยุติปัญหาด้วยการเจรจาหารือ โดยอยู่ในหลักการที่ว่า ไทยพร้อมปกป้องเขตแดน รักษาอธิปไตยตามกฎหมาย โดยเชื่อในสันติภาพและกลไกแก้ปัญหาที่มีอยู่ และเมื่อมีกลไกทวิภาคีอยู่แล้ว ควรใช้ประโยชน์ในทุกระดับทันที

และไม่ควรละเลยการสร้างความเข้าใจในสังคมโลก อาทิ การรีบชี้แจงจุดยืนเป็นหนังสือ การเชิญคณะทูตต่างประเทศมาฟังการชี้แจงว่าประเทศดำเนินการอย่างถูกต้องอย่างไร เพื่อมิให้เป็นฝ่ายถูกกระทำในการเมืองระหว่างประเทศ หากยังมีการข่มขู่ จึงค่อยมีมาตรการอื่น ๆ ที่เข้มข้นขึ้น อย่างมีเหตุมีผล และต้องระวังการยั่วยุจากผู้ไม่หวังดีที่เคลื่อนไหวมาอย่างต่อเนื่อง

ADVERTISMENT