
ปริมาณสารหนูและโลหะหนัก จากการทำเหมืองทองในรัฐฉาน เขตอิทธิพลว้า “ไม่ได้ลดลงเลย” แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 2 เดือนแล้ว จนไทยต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ เร่งกำจัดสารหนูออกจากน้ำประปาสะอาดให้ความมั่นใจกับผู้บริโภค
นายพงษ์ศักดิ์ เดี่ยววิไล ผู้อำนวยการการประปาส่วนภูมิภาคเขต 9 เชียงใหม่ กล่าวถึงคุณภาพน้ำประปาในพื้นที่รับผิดชอบจังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่ ซึ่งใช้น้ำดิบจากแม่น้ำกก หลังจากตรวจพบมีค่าสารหนูและโลหะหนักปนเปื้อนเกินกว่าค่ามาตรฐานในน้ำผิวดิน อันเนื่องมาจากการทำเหมืองทองในรัฐฉาน ทิ้งน้ำปนเปื้อนลง แม่น้ำกก ส่งผลกระทบมาถึงผู้ใช้น้ำฝั่งไทย
ล่าสุดจากการตรวจวัดคุณภาพน้ำจากแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ก็ยังพบความขุ่นผิดปกติและมีสารหนูเกินกว่าค่ามาตรฐานอยู่ดี ซึ่งตรวจพบมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 จนถึงปัจจุบันไม่น้อยกว่า 6 เดือนแล้ว
ทั้งนี้ ค่าโลหะหนักประเภทสารหนูที่พบนั้น จะกระทบกับการผลิตน้ำประปาที่ใช้น้ำดิบจากแม่น้ำกก ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย และ อ.เวียงชัย (กปภ.เชียงราย) กับแม่น้ำสาย (กปภ.แม่สาย) ที่ใช้น้ำดิบจากแม่น้ำแม่สาย ในพื้นที่ ต.แม่สาย ต.เวียงพางคำ และน้ำดิบจากน้ำรวก ในพื้นที่ให้บริการประปา ต.แม่สาย ต.เวียงพางคำ ต.เกาะช้าง ต.โป่งผา และ ต.ศรีเมืองชุม จัดเป็นพื้นที่เฝ้าระวังด้วยการตรวจสอบคุณภาพน้ำดิบประจำวัน
สำหรับวิธีบำบัดน้ำดิบเพื่อ “กำจัด” สารหนู (As) ซึ่งตรวจพบเกินกว่าค่ามาตรฐาน (0.010 มิลลิกรัม/ลิตร) นั้น นายพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า จะสูบน้ำดิบจากแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย มาพักไว้ในบ่อ/สระ แล้วเติมสารเคมีเพื่อปรับสภาพน้ำและจับตะกอนกำจัดโลหะหนัก และตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐานก่อนที่จะจ่ายน้ำให้ผู้บริโภค
“ขอให้มั่นใจว่า น้ำประปาของ ภปภ.ทั้งที่เชียงรายและแม่สาย ได้ผ่านกระบวนการบำบัด-ตรวจวัดคุณภาพน้ำจนปลอดภัย สามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ และเราจะดำเนินการตามขั้นตอนเหล่านี้จนกว่าจะไม่พบโลหะหนักและสารหนูในแม่น้ำกก-แม่น้ำสาย-แม่น้ำโขง และลำน้ำสาขาอีก” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้กระบวนการผลิตน้ำประปาด้วยการเติมสารเคมีและควบคุมปริมาณสารเคมีเพื่อปรับสภาพน้ำและจับตะกอน จะเริ่มจากน้ำจะไหลผ่านระบบกวนเร็วให้สารเคมีผสมกับน้ำดิบ โดยจะใช้ “คลอรีน” กำจัดสารหนูในน้ำ และทำให้โลหะหนักสามารถตกตะกอนได้ง่ายขึ้น และใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์ เพื่อปรับค่าความเป็นด่างหรือค่า pH ให้เหมาะสม จากนั้นใช้ pDADMAC และ PACL ในการแยกตะกอนและโลหะหนัก ทำให้ตกตะกอนง่ายขึ้น
เมื่อน้ำดิบที่ได้ปรับสภาพเหมาะสมแล้ว น้ำจะไหลผ่านระบบกวนช้า ทำให้ตะกอนรวมตัวกันเป็นขนาดใหญ่และมีน้ำหนักมากขึ้นจนตกตะกอนได้ง่ายขึ้นอีก ดังนั้นตะกอนขนาดใหญ่จะตกลงสู่ก้นถัง ซึ่ง กปภ.เชียงราย มีการควบคุมค่าความขุ่นไม่เกิน 3 NTU ส่วน กปภ.แม่สายควบคุมอยู่ที่ไม่เกิน 4 NTU
จากนั้นในระบบผลิตและน้ำใสที่ได้จะไหลเข้ารางน้ำไปสู่ทางกรองน้ำ นำน้ำเข้าสู่กระบวนการกรองทำหน้าที่กรองตะกอนขนาดเล็กที่ยังหลงเหลืออยู่จากถังตกตะกอน โดยน้ำจะไหลผ่านทรายกองกลายเป็นน้ำใสสะอาดและเข้าสู่กระบวนการกำจัดเชื้อด้วยคลอรีนต่อไป และเก็บน้ำประปาไว้ในถังน้ำใสก่อนส่งน้ำจ่ายให้กับประชาชน
สำหรับการตรวจวัดคุณภาพน้ำและตะกอนดินในแม่น้ำกกและลำน้ำสาขา (แม่น้ำฝาง-แม่น้ำลาว-แม่น้ำกรณ์-แม่น้ำสรวย-แม่น้ำสาย-แม่น้ำโขง) ของกรมควบคุมมลพิษ ล่าสุด (12-16 พ.ค.) จากสถานีตรวจวัด 15 จุด พบสารหนูเกินกว่าค่ามาตรฐาน (0,010 มิลลิกรัม/ลิตร) จำนวน 11 จุด ได้แก่
KK01 สะพานไทย-พม่า ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงราย 0.030 มก./ล KK02 สะพานมิตรภาพแม่นาวาง-ท่าตอน ต.ท่าตอน แม่อาย เชียงราย 0.026 มก./ล KK03 สะพานมิตรภาพดินแดนบ้านแม่สลัก อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 0.018 มก./ล KK04 บ้านจะเด้อ หมู่ 6 ต.ดอยฮาง อ.เมือง จ.เชียงราย 0.016 มก/ล.
KK05 สะพานมิตรภาพแม่ยาว-ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย 0.017 มก./ล. KK06 บ้านโป่งนาคำ ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย 0.015 มก./ล. KK07 สะพานข้ามแม่น้ำกก ต.ดอยฮาง อ.เมืองเชียงราย 0.018 มก./ล. KK08 สะพานแม่ฟ้าหลวง ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย 0.014 มก./ล.
KK09 สะพานเฉลิมพระเกียรติ 1 ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย 0.014 มก./ล. KK10 ฝายเชียงราย ต.รอบเวียง อ.เมืองเชียงราย 0.011 มก./ล. และ KK11 สะพานริมกก-เวียงเหนือรวมใจ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย 0.018 มก./ล.
ส่วนผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำและตะกอนดิน แม่น้ำแม่สาย พบเกินกว่าค่ามาตรฐานทั้ง 3 จุด ได้แก่ SA01 บ้านหัวฝาย ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย 0.023 มก./ล. SA02 สะพานมิตรภาพแม่น้ำสายแห่งที่ 2 อ.แม่สาย 0.024 มก./ล. และ SA03 บ้านป่าซางงาม หมู่ 6 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย 0.017 มก./ล.
เช่นเดียวกับผลการตรวจวัดคุณภาพแม่น้ำโขง 2 จุดก็พบสารหนูเกินกว่าค่ามาตรฐาน ได้แก่ NK01 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 0.026 มก./ล. กับ NK02 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน 0.025 มก./ล.