
ประจวบคีรีขันธ์เปิดฤดูกาล “ทุเรียนตะนาวศรีคีรีขันธ์ @คลองลอย” ชูของดีท้องถิ่น เตรียมยื่นขอ GI หนุนเศรษฐกิจเกษตร
นายสิทธิชัย สวัสดิ์แสน ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดฤดูกาล “ทุเรียนตะนาวศรีคีรีขันธ์@คลองลอย” ณ กลุ่มแปลงใหญ่ทุเรียนคลองลอย อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์ “ทุเรียนคลองลอย” หนึ่งในทุเรียนคุณภาพของพื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นขอรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เพื่อผลักดันให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น โดยผู้ว่าฯได้ตัดทุเรียนผลแรกของฤดูกาลเป็นสัญลักษณ์ พร้อมนำผู้ร่วมงานชิมรสชาติความอร่อยของทุเรียนคลองลอย พันธุ์หมอนทอง ที่มีจุดเด่นทั้งรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์
นายสิทธิชัยกล่าวเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวมาอุดหนุนทุเรียนท้องถิ่น ซึ่งเป็นสินค้าการเกษตรอัตลักษณ์ของจังหวัด พร้อมเผยกำหนดจัดเทศกาล “ทุเรียนตะนาวศรีคีรีขันธ์” ตลอดเดือนมิถุนายน-กรกฎาคมนี้ อาทิ งานมหกรรมเศรษฐกิจพอเพียง “บ้านของพ่อ” วันที่ 18-22 มิ.ย. ณ ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน, งาน Market Village Durian PA-LA-U วันที่ 18-22 มิ.ย. ณ ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ หัวหิน,
งานเกษตรแฟร์ อ.ปราณบุรี ครั้งที่ 2 วันที่ 27-29 มิ.ย. ณ ที่ว่าการอำเภอปราณบุรี, งานท่องเที่ยวหาดขาม วันที่ 11-22 ก.ค. ณ อบต.หาดขาม อ.กุยบุรี และงานมหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู ครั้งที่ 12 วันที่ 14-20 ก.ค. ณ อบต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน
ในงานต่าง ๆ จะมีการจัดจำหน่ายทุเรียนจากพื้นที่สำคัญทั่วจังหวัด อาทิ ทุเรียนป่าละอู ที่ปลูกในพื้นที่ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน และเป็นสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ของจังหวัด, ทุเรียนเขาจ้าว อ.ปราณบุรี, ทุเรียนป่าหมาก อ.สามร้อยยอด, ทุเรียนหาดขาม อ.กุยบุรี, ทุเรียนเขาล้าน อ.ทับสะแก, ทุเรียนคลองลอย อ.บางสะพาน และทุเรียนไชยราช อ.บางสะพานน้อย มาวางจัดจำหน่าย
นางคันสนีย์ เกษตรสินสมบัติ เกษตรจังหวัด กล่าวว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีพื้นที่ปลูกทุเรียนในปี 2568 รวมกว่า 17,759 ไร่ ให้ผลผลิตแล้ว 11,563 ไร่ มีเกษตรกรปลูกทุเรียนกว่า 2,300 ราย คาดผลผลิตรวมปีนี้ประมาณ 9,250 ตัน โดยพื้นที่ที่มีผลผลิตมากที่สุด ได้แก่ อำเภอบางสะพาน หัวหิน บางสะพานน้อย และปราณบุรี
ทั้งนี้ สำนักงานเกษตรจังหวัดได้ผลักดันให้ทุเรียนตะนาวศรีคีรีขันธ์และสับปะรดสยามโกลด์ประจวบฯ เข้าสู่กระบวนการรับรอง GI เพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิตในอนาคต ขณะเดียวกันได้วางแนวทางรองรับปัญหาการส่งออกทุเรียน หลังเผชิญปัญหาการตรวจพบสารตกค้าง BY2 บริเวณเปลือกทุเรียน ซึ่งอาจกระทบคุณภาพและการตลาดต่างประเทศ