สวนปาล์มดิ่ง โรงสกัดสต๊อกล้น จี้ทำ B7-รับมือปิดฮอร์มุซกระทบขนน้ำมัน

oilplam

เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ชงรัฐหนุนแปรรูปไบโอดีเซล “B7 B10” หลังผลผลิตปาล์มทะลัก โรงสกัดชะลอรับซื้อ ทำราคาดิ่ง 4.60-5 บาทต่อ กก. ชี้หากอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ กระทบช่องทางขนส่งน้ำมัน ทำราคาพุ่ง หวั่นราคาสินค้าจะพุ่งตาม แต่ “ไบโอดีเซล” เป็นพลังงานทดแทนที่มาช่วยได้

นายโอภาส หนูชิต สมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัดพัทลุง เจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน อ.ควนขนุน และอดีตประธานชุมนุมสหกรณ์ปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ปาล์มน้ำมันมีผลผลิตปริมาณมาก ดังนั้น รัฐบาลควรสนับสนุนการนำไปแปรรูปทำไบโอดีเซล B7 B10 เป็นพลังงานทดแทนอย่างเหมาะสม และเมื่อปาล์มน้ำมันขาดแคลนก็ชะลอการแปรรูปผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซล B7 B10 เพื่อช่วยเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน

นายสมศักดิ์ พานิช ลานรับซื้อปาล์มน้ำมัน เจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน อ.ระโนด จ.สงขลา เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคารับซื้อผลปาล์มน้ำมันหน้าโรงงานสกัดเคลื่อนไหวในระดับ 4.60-5 บาท/กก. เทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ราคาเฉลี่ยสูงถึง 10-12 บาท/กก. โดยสาเหตุสำคัญที่ราคาปาล์มน้ำมันลดลงมาก เนื่องจากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นมาก

ดังนั้น รัฐบาลควรนำพืชเศรษฐกิจพลังงานสำคัญอย่างปาล์มน้ำมันไปแปรรูปเป็นพลังงานไบโอดีเซล เช่น B7 B10 เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์โลกกรณีประเทศอิหร่านอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเชื่อมอ่าวโอมานกับทะเลอาหรับ ซึ่งเป็นช่องทางขนส่งน้ำมันจากตะวันออกกลางสู่เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อทดแทนปริมาณน้ำมันที่อาจจะชะลอตัวไป

เจ้าของสวนปาล์มน้ำมัน จ.ยะลา เปิดเผยว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้ง จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ได้มีการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ในพื้นที่บางวันโรงสกัดมีการชะลอรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน เนื่องจากสต๊อกเต็มไม่มีที่จัดเก็บ เพราะเมื่อนำส่งโรงงานแปรรูปก็เต็มกำลังการผลิตต้องชะลอการรับซื้อไปก่อน

นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สมาชิกวุฒิสภา (สว.) อดีตผู้ประกอบการค้าส่งน้ำมันภาคใต้ กล่าวว่า สถานการณ์พลังงานโดยเฉพาะน้ำมันน่ากังวลเรื่องราคา เพราะมีปัจจัยเรื่องความขัดแย้งสงครามที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง และหากมีการขยายตัวอาจจะถึงขั้นมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ จะส่งผลกระทบหนักต่อระบบการขนส่งน้ำมัน

และจะส่งผลต่ออุปสงค์อุปทานราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น แม้สถานการณ์น้ำมันในประเทศไทยตอนนี้ยังไม่ขาดแคลนเพราะโรงกลั่นน้ำมันทั้ง 5 โรงของประเทศไทยมีน้ำมันสำรอง และประเทศไทยยังหาซื้อน้ำมันได้จากประเทศสิงคโปร์

ADVERTISMENT

แต่ที่สำคัญเพราะราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้น ค่าขนส่งจะปรับตัวสูงขึ้นตาม ราคาสินค้าจะปรับสูงขึ้นตามเป็นลูกโซ่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เห็นรัฐบาลเตรียมแผนรับมือ หรือตั้งวอร์รูมไว้รองรับประเด็นพลังงาน ซึ่งเป็นปัญหาระดับมหภาค

“ขณะที่ประชาชนกำลังประสบกับปัญหาเศรษฐกิจการค้าอยู่แล้ว พืชเศรษฐกิจหลักที่เกษตรกรปลูกราคาตกต่ำ เช่น ปาล์มน้ำมัน 4 บาทกว่า/กก. ยางพาราราคา 50 กว่าบาท/กก. และประชาชนเป็นหนี้สินครัวเรือนจำนวนมาก หากราคาสินค้าปรับสูงขึ้นจะได้รับผลกระทบหนัก ขณะเดียวกันได้ยินว่า มีน้ำมันนอกระบบหรือน้ำมันเถื่อนราคาถูกไหลเข้าสู่ประเทศทางชายฝั่งทะเลเป็นจำนวนมาก โดยผู้บริโภคน้ำมันทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็กต่างมีความต้องการ เพราะราคาต่ำกว่าน้ำมันถูกกฎหมายมาก” นายไชยยงค์กล่าว

นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย (คยปท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันการนำปาล์มน้ำมันไปแปรรูปเป็นไบโอดีเซลได้ชะลอตัวไป บางปั๊มน้ำมันมีแต่หัวจ่าย B7 และ B10 แต่ไม่มีน้ำมันจ่าย หากรัฐบาลสนับสนุนการแปรรูปปาล์มน้ำมันเป็น B7 B10 ปาล์มน้ำมันจะไม่ล้นเกินแท็งก์สต๊อกโรงงานสกัด และหากอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ

ซึ่งเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันทางทะเล ราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวสูงขึ้นมาก หากเกิดภาวะวิกฤตปาล์มน้ำมันจึงเป็นทางออกที่จะสามารถสนับสนุนทางด้านพลังงานได้ แม้จะได้ปริมาณไม่มากแต่สามารถช่วยในแง่พลังงานทดแทนได้ระดับหนึ่ง

“ตอนนี้ประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ผู้ปลูกและผลิตปาล์มน้ำมันรายใหญ่ของโลก ราคาปาล์มน้ำมันอยู่ที่ 8.30 บาท/กก. และยังไม่อนุญาตให้ส่งออกต่างประเทศ ต่างสต๊อกไว้ภายในประเทศตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 จนถึงขณะนี้ เพราะทั้งอินโดนีเซีย และมาเลเซีย มองว่าปาล์มน้ำมันได้กลายเป็นยุทธปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะทางประเทศอินโดนีเซียส่วนใหญ่จะมีการทำสวนปาล์มน้ำมัน และจะแปรรูปเป็นน้ำมันปาล์มดิบเอง หรือแปรรูปในกลุ่มบรรจุลงแกลลอน 20 ลิตร รวบรวมออกจำหน่ายให้กับโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อนำไปแปรรูปตามความต้องการของตลาด” นายทศพลกล่าว