
หอการค้าจังหวัดสุรินทร์ เผย หลังมีมาตรการคุมเข้มเปิด-ปิดด่านตลอดแนวชายแดนกัมพูชา ทำเศรษฐกิจชายแดนซบเซา วอนทุกฝ่ายเร่งเจรจายุติความรุนแรง ห่วงเศรษฐกิจพังทั้ง 2 ฝ่าย
รายงานข่าวจากจังหวัดสุรินทร์ นายวิรัตน์ เศรษฐวิพัฒนชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริเวณอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่ยังไม่มีแนวโน้มจะยุติปัญหาลงในเร็ววัน จนเกิดมาตรการมาตรการคุมเข้มเปิด-ปิดด่านตลอดแนวชายแดนกัมพูชา ส่งผลให้บรรยากาศการค้าที่บริเวณจุดผ่านแดนถาวรช่องจอมเป็นไปอย่างเงียบเหงา
ทั้งนี้ ยังแสดงความกังวล หากกัมพูชามีมาตรการปิดด่าน เนื่องจากเป็นมาตรการที่ค่อนข้างรุนแรง ในปีที่ผ่านมามีตัวเลขส่งออกอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท และนำเข้าประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายไทยที่มูลค่าส่งออกสูงกว่า แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด คือประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นชาวกัมพูชาต้องขาดแคลนสินค้า ขาดโอกาสที่เข้ามารักษาทางการแพทย์ แรงงานที่ข้ามมาฝั่งไทยไม่กล้ากลับประเทศเพราะไม่มีงานทำ หรือแม้กระทั่งฝั่งไทยที่ไม่สามรถส่งออกสินค้าได้
ซึ่งที่ผ่านมาได้เป็นตัวแทนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ยื่นหนังสือให้นายกแพทองธาร ชินวัตร เรื่องการขอใช้พื้นที่จัดสร้างด่านศุลกากรแห่งใหม่ เพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจในจังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะการค้าชายแดน ไทย-กัมพูชา เมื่อครั้งที่นายกฯ มาให้กำลังใจ ทหารในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์
“อย่างไรก็ตาม ยังคงเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะต้องเจรจาเพื่อให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด หากสถานการณ์ยืดเยื้อเป็นปี ผมว่าเศรษฐกิจทั้งเขาและเราก็แย่ทั้งคู่ ไม่มีใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้” นายวิรัตน์กล่าว