ปิดด่านเสียหายวันละ 500 ล้าน ขอรัฐเยียวยาซอฟต์โลน-ภาษี

ปิดด่านเสียหายวันละ 500 ล้าน ขอรัฐเยียวยาซอฟต์โลน-ภาษี

ปิดด่านชายแดนทางบก ส่งออก-นำเข้าสินค้ากระทบหนัก สภาธุรกิจไทย-กัมพูชา คาดเสียหายวันละ 500 ล้าน ขอมาตรการเยียวยาผู้ค้า “ซอฟต์โลน-งดจ่ายภาษี” ด้านผู้ประกอบการรายใหญ่เผยยังไหว เตรียมตั้งรับระยะยาว ผู้ค้ารายย่อยเริ่มเปลี่ยนอาชีพ ขนส่งสินค้าทางบกไม่ได้ หันไปใช้เส้นทางทะเลแทน

นายวรทัศน์ ตันติมงคลสุข ประธานสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชาล่าสุด มีผลทำให้ไม่สามารถนำเข้าและส่งออกสินค้าได้ทุกด่าน ส่งผลกระทบเบื้องต้นประเมินมูลค่าความเสียหายเฉลี่ยออกมาเป็นรายวัน

โดยนำมูลค่าการค้าชายแดนทั้งนำเข้าและส่งออกปี 2567 รวมประมาณ 180,000 ล้านบาท หารด้วย 365 วัน ตกประมาณ 400 กว่าล้านบาท รวมถึงการค้ารายย่อยตามแนวชายแดนที่ได้จากนักท่องเที่ยวเข้าใช้จ่าย มีชาวกัมพูชาเดินทางเข้ามารักษาพยาบาล มาตรวจร่างกายในประเทศไทย รวมตัวเลขกลม ๆ ประมาณ 500 ล้านบาทต่อวัน

“ก่อนหน้านี้มีการปรับเวลาเปิด-ปิดด่านไม่ตรงกันระหว่างไทยและกัมพูชา ทางผู้ประกอบการบริหารเวลาปรับตัวในการทำงานการขนส่งก็ยังไม่มีผลกระทบอะไรมากนัก แต่ทุกคนติดตามสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิดและกังวลถึงความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ทำให้มีผู้นำเข้าฝั่งกัมพูชาบางคนสั่งซื้อสินค้าจากฝั่งไทยมากขึ้น แต่บางรายชะลอการซื้อลง แต่เมื่อมีการปิดทุกด่านผลกระทบจะมีตามมามากขึ้น” นายวรทัศน์กล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อกองทัพบกมีคำสั่งปิดด่านทางบกทั้งหมด ผู้ประกอบการได้หารือกันต้องหาทางส่งออกตามแนวชายฝั่ง ดังนั้นการส่งออกทางทะเลน่าจะเป็นช่องทางหลักที่พอไปได้ แต่ทุกคนไม่สามารถส่งออกทางเรือได้ทั้งหมด และต้องยอมรับว่าทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ “การขนส่งทางเรือแบ่งเป็น 2 ประเภท

คือ 1) เรือชายฝั่งที่ออกจากท่าเรือคลองใหญ่ จ.ตราด แต่จะวิ่งไปส่งสินค้าขึ้นท่าเรือใดแล้วแต่ผู้สั่งซื้อสินค้า กับ 2) เรือเดินสมุทร ออกจากท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือแถวจังหวัดสมุทรปราการ ไปขึ้นที่ท่าเรือหลักคือ ท่าเรือสีหนุวิลล์ ยังวิ่งส่งสินค้าเป็นปกติ ถ้าหากกัมพูชาจะปิดด่านทางเรือขึ้นมาอีก ในฐานะผู้ประกอบการธุรกิจต้องเตรียมรับมือสถานการณ์ว่าจะทำอย่างไรไม่ให้สะดุดติดขัด แม้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจจะสูงขึ้นบ้าง ดีกว่าไม่สามารถทำธุรกิจได้เลย ส่วนธุรกิจไทยที่เข้าไปตั้งโรงงานในกัมพูชานั้น นอกจากผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อธุรกิจแล้ว คงต้องพิจารณาเรื่องความปลอดภัยของพนักงานคนไทยที่ทำงานด้วย”

ขอซอฟต์โลน-งดจ่ายภาษี

นายวรทัศน์กล่าวต่อไปว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เชิญสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หอการค้าไทย สภาธุรกิจไทย-กัมพูชา ไปหารือเพื่อรับทราบสถานการณ์ผลกระทบด่านชายแดน สินค้านำเข้า-ส่งออกเป็นอย่างไร ชาวบ้านเป็นอย่างไร ร่วมถึงการลงทุนของนักธุรกิจในกัมพูชา และให้แต่ละองค์กรไปทำการบ้าน เพื่อรัฐบาลจะได้มีมาตรการมาเยียวยา ผ่อนคลาย แบ่งเบาภาระผู้ประกอบการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และให้ส่งข้อมูลกลับมาให้ชัดเจนและให้เร็วที่สุด

ADVERTISMENT

ตอนนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งคนไทยและคนกัมพูชา การงดนำเข้าน้ำมัน คนกัมพูชาก็เดือดร้อนเช่นกัน สำหรับมาตรการเยียวยาของรัฐบาลไทย เช่น หาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะ 3-5 ปีเหมือนช่วงโควิด ลดการจ่ายภาษีเงินได้ เป็นต้น อย่างไรก็ตามก็เป็นห่วงในการช่วยเหลือผู้ประกอบการชายแดนเหมือนช่วงโควิดมีปัญหาเรื่องเอกสารระบบรายงานภาษี ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่รัฐจะช่วยเหลือเยียวยาลำบาก

คลังเร่งประเมินผลกระทบเชิง ศก.

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังกล่าวว่า ผลกระทบความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาที่มีการปิดด่าน รวมถึงการตอบโต้กันในทางการเมืองที่ผ่านมานั้น ในเชิงเศรษฐกิจยังอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบว่าจะกระทบแค่ไหน โดยเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ได้เรียกประชุมภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมตัวรับมือผลกระทบ หากมีการยกระดับความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า

รัฐบาลไทยจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความเป็นไปได้ต่าง ๆ โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้หากสถานการณ์ยืดเยื้อ โดยการประชุมที่มีขึ้นเพื่อประเมินผลกระทบเชิงเศรษฐกิจอย่างรอบด้าน ทั้งจากการค้าชายแดน ภาคการผลิตที่พึ่งพาวัตถุดิบจากกัมพูชา ภาคการเงินที่มีธุรกิจและสาขาในกัมพูชา รวมถึงภาคบริการ ไม่ว่าจะเป็นสายการบิน โทรคมนาคม หรือพลังงาน

“ในส่วนการเตรียมมาตรการรองรับ รัฐบาลพร้อมพิจารณาทั้งมาตรการด้านการเงิน เช่น สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน (Soft Loan) การผ่อนปรนทางภาษี มาตรการโลจิสติกส์ เช่น การเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งจากทางบกเป็นทางเรือ ตลอดจนการกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดชายแดน ทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง

การประชุมครั้งนี้เป็นเพียงการเตรียมการในเชิงเทคนิค เพื่อความพร้อมในการรับมือเท่านั้น ไม่มีเจตนาใด ๆ ที่จะทำให้สถานการณ์บานปลาย ประเทศไทยยังคงยึดมั่นในหลักสันติวิธี และให้ความสำคัญกับความมั่นคงร่วมกันในภูมิภาคอาเซียน และในประเด็นแรงงานกัมพูชาที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย รัฐบาลไทยมีท่าทีที่ชัดเจนว่าไม่ประสงค์จะผลักดันให้แรงงานต้องเดินทางกลับประเทศโดยไม่จำเป็น เพราะเราตระหนักดีถึงความสำคัญของแรงงานกลุ่มนี้ต่อระบบเศรษฐกิจไทย” นายพิชัยกล่าว

โออาร์กระทบไม่มาก

จากคำสั่งของ “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กรณีที่กัมพูชาจะ “ระงับ” การนําเข้าน้ำมันและก๊าซทุกชนิดจากประเทศไทย เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 22 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไปนั้น มีรายงานข่าวเข้ามาว่า จะส่งผลกระทบต่อ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR ที่เข้าไปลงทุนเปิดสถานีบริการน้ำมัน 186 แห่ง คาเฟ่อะเมซอน 254 แห่ง ร้านสะดวกซื้อ 71 แห่ง

ล่าสุดนักวิเคราะห์เห็นว่า รายได้จากกัมพูชาของทั้ง 2 บริษัทคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.5 กับ 2.5% ของรายได้รวม “จึงไม่กระทบต่อรายได้มากนัก” แต่การสั่งระงับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากไทยจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและการค้าของกัมพูชาเองมากกว่า

ทั้งนี้ สถานีบริการน้ำมันของ OR มีสัดส่วนรองจาก Tela Petroleum ผู้ค้าน้ำมันอันดับหนึ่งที่มีจำนวนสถานีบริการน้ำมันมากกว่า 1,899 แห่ง ร้านสะดวกซื้อมากกว่า 50 แห่ง ในแบรนด์ Tela Mart, Tela Supermart, LUNA Cafe และ HABIT Burger และยังเป็นผู้ค้าก๊าซรายใหญ่อีกด้วย

“การสั่งระงับการนำเข้าน้ำมันจากไทย มีผลทำให้กัมพูชาต้องหาแหล่งนำเข้าน้ำมันจากประเทศอื่น ซึ่งอาจจะเสียค่าขนส่งที่สูงกว่า มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะต้องปรับขึ้นราคาจำหน่ายปลีกน้ำมันภายในประเทศ ส่วนผู้ให้บริการสถานีบริการน้ำมันรอง ๆ ลงมา ได้แก่ Total, Caltex และ Sokimex”

ล่าสุดมีรายงานข่าวจาก บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เข้ามาว่า ขณะนี้บริษัทได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พยายามหาทางออกและคอยมอนิเตอร์เป็นรายวันไป ไม่สามารถให้ข้อมูลได้มาก เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ส่วนการเรียกพนักงานที่ทำงานอยู่ในกัมพูชากลับประเทศไทยนั้น ไม่อยากให้พูดว่า “เรียกกลับ” แต่ให้พิจารณาตามความเหมาะสมในการ Relocate (ย้ายที่ทำงาน) กลับเป็นการชั่วคราว

ปิดด่านสั้น ๆ กระทบไม่นาน

นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่ม BJC กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ธุรกิจค้าปลีกของบริษัท “ยังไม่ได้รับผลกระทบ” โดยพฤติกรรมการจับจ่ายและใช้บริการร้านของผู้บริโภคชาวกัมพูชายังคงเป็นปกติ เช่นเดียวกับยอดขายของร้าน 20 สาขาในกัมพูชา

ส่วนสถานการณ์ด้านระบบไฟฟ้าที่ติดขัดเป็นบางครั้งนั้น บริษัทมีเครื่องปั่นไฟสำรองไว้รับมืออยู่แล้ว พนักงานทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชา “ยกเว้น” ผู้บริหารเพียง 1 คนที่เป็นชาวไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ BJC ไม่มีแผนขยายสาขาในกัมพูชาเพิ่มเติม เนื่องจากต้องรอความชัดเจนของสถานการณ์ก่อน ซึ่งบริษัทติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

นายชลัช ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL กล่าวว่า บริษัทเคยได้สัมปทานจากรัฐบาลกัมพูชาในการปลูกอ้อยและลงทุนตั้งโรงงานน้ำตาลในจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา แต่ได้ถอนการลงทุนหมดแล้วตั้งแต่ 7-8 ปีก่อน ส่วนการส่งออกน้ำตาลไปที่กัมพูชามีสัดส่วนน้อยมาก คือประมาณ 300,000 ตันเท่านั้น ส่วนการปิดด่านชายแดนจากขนส่งทางบกก็เปลี่ยนเป็นขนส่งทางเรือแทน แต่ส่วนใหญ่กัมพูชาจะเป็นแค่ทางผ่านเพื่อที่จะส่งต่อไปเวียดนามเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม การปิดด่านเพียงระยะสั้น ๆ แค่สัปดาห์ ก็ไม่น่าจะมีผลกระทบมากนัก เพราะผู้ซื้อที่ค้าขายในประเทศได้สั่งสินค้าล่วงหน้าเพื่อตุนสต๊อกไว้แล้วก่อนหน้านี้ แต่หากด่านต้องปิดยาวเกิน 1 เดือน แน่นอนว่าผลกระทบจะต้องมาคุยกันใหม่ว่าจะหนักขนาดไหน แต่ผลที่จะเกิดแน่นอนว่ากัมพูชาเองถ้าไม่ซื้อไทย ก็ไปซื้อประเทศอื่นที่มีราคาแพงกว่า ซึ่งหากกัมพูชายินยอม ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องขาดแคลน ขณะที่ไทยไม่ได้เสียหายมากนัก เพราะตลาดกัมพูชาไม่ใช่ตลาดส่งออกหลัก

นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร งานการเงินและบัญชี บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) ตั้งอยู่ที่เมืองศรีโสภณ จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 39 เมกะวัตต์ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เพราะโรงไฟฟ้าใช้คนน้อย มีเพียง Supervisor และมีพนักงานคนไทยน้อยมาก ส่วนใหญ่จะทำงานแบบไป-กลับ

ตอนนี้บริษัทยังไม่ได้รับรายงานผลกระทบอย่างเป็นทางการ และยังไม่เกิดการประท้วงใด ๆ ขึ้น ทั้งนี้ โครงการนี้มีกำลังการผลิตคิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของกำลังการผลิตทั้งหมดที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ในปัจจุบันประมาณ 4,000 เมกะวัตต์ ซึ่งถือว่าน้อยมาก

รายงานจากกลุ่มผู้ประกอบการเครื่องนุ่งห่มระบุว่า ผู้ประกอบการเครื่องนุ่งห่มที่เข้าไปลงทุนโรงงานผลิตเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม บริเวณปอยเปต ตรงชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวว่า ยังติดตามและประเมินสถานการณ์ปัญหาอย่างใกล้ชิด ขณะที่การประกอบกิจการยังคงดำเนินการไปเป็นปกติ ทั้งในเรื่องของแรงงาน การผลิต หรือการขนส่ง

ขณะนี้ยังไม่ได้มีปัญหาหรือได้รับผลกระทบ แต่ก็ยังเฝ้าติดตามข่าวสารถึงสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยยังไม่สามารถให้ความชัดเจนได้ว่าจะมีผลกระทบหรือปัญหาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือไม่ แต่ยังให้ความมั่นใจว่าการทำธุรกิจในขณะนี้ยังคงดำเนินการได้อยู่

กระทบรายได้ตลอดแนวชายแดน

แหล่งข่าวผู้ประกอบการนำเข้า-ส่งออกผลไม้ ที่จุดผ่อนปรนช่องอานม้า ต.โซง อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ผลกระทบจากมาตรการปิดด่านตลอดแนวชายแดนกัมพูชา ทำให้รายจากการค้าขายหาย 100% ทำให้ต้องปรับตัวจากขายส่งผ่านแดน ไปขายปลีกในท้องถิ่น อย่างไรก็ดี สินค้าที่ตนส่งออกเป็นสินค้าเกษตร เช่น พริก กระเทียม หากต้องนำมากระจายในประเทศอาจเป็นไปยาก เนื่องจากเป็นสินค้าที่ฝั่งไทยไม่ได้นิยมมากนัก

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐมีแนวทางแก้ไขปัญหาที่รวดเร็ว กระชับ และมีจุดมุ่งหมายชัดเจน เช่น การตั้งเป้าหมายว่ายุติปัญหาภายใน 3-6 เดือน เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวไปทำธุรกิจอื่นระหว่างนี้ได้

“เนื่องจากผู้ประกอบการบางรายมีความลังเล ไม่กล้าทำธุรกิจเสริม เพราะทุกอย่างคือการลงทุนสูง หากลงทุนแล้วด่านเปิดค้าขายได้ ก็เหมือนกับว่าเป็นการเอาเงินมากองทิ้งไว้เฉย ๆ ในส่วนความปลอดภัยยังเชื่อมั่นในความสามารถของกองทัพไทย” แหล่งข่าวกล่าว

นายไพบูลย์ คำศรี รองประธานหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า กรณีการปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องอานม้า ถือว่ามีผลกระทบต่อผู้ประกอบการการค้าฝั่งไทยไม่มากนัก เนื่องจากมูลค่าการส่งออก เดือนพฤษภาคม 2568 มีมูลค่า 3.81 ล้านบาท และการนำเข้า เดือนพฤษภาคม 2568 มีมูลค่า 1.86 ล้านบาท ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือผู้ประกอบการในการระบายสินค้า ไม่ให้ค้างสต๊อกจุดผ่อนปรนช่องอานม้า

ซึ่งเป็นจุดการจำหน่ายสินค้าขนาดเล็ก สินค้าส่งออกของไทยไปกัมพูชาส่วนใหญ่จะเป็น สินค้าอุปโภค-บริโภค ส่วนสินค้านำเข้าที่คนไทยนิยมซื้อมาจากฝั่งกัมพูชาจะเป็นของป่า จะเห็นได้ว่าการค้าชายแดนที่ช่องอานม้า มีมูลค่าไม่มากเท่าไหร่นัก โดยในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา มีประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนในปี 2568 ล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 30 ล้านบาท

ขณะที่ นายวิรัตน์ เศรษฐวิพัฒนชัย ประธานหอการค้าจังหวัดสุรินทร์ กล่าวถึงการปิดจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ส่งผลกระทบต่อมูลค่าการค้าชายแดนที่มีมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท/เดือน ซึ่งเดือน พ.ค. มีมูลค่าการนำเข้ากว่า 200 ล้านบาท และการส่งออกกว่า 300 ล้านบาท “สินค้าส่งออกส่วนมากเป็นสินค้าสำเร็จรูป คาดว่ากลุ่มผู้ประกอบการส่งออกจะสามารถปรับตัวได้ แต่สินค้านำเข้าโดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่นำเข้าอย่าง ‘มันสำปะหลัง’ อาจจะขาดตลาด” นายวิรัตน์กล่าว

ส่วนการควบคุมจุดผ่อนปรนช่องสายตะกูนั้น ทำให้ผู้ค้าสินค้าอุปโภค-บริโภคท้องถิ่นขาดรายได้ ส่งผลให้ผู้ค้าบางรายเริ่มปรับตัวหันมาขายที่หน้าบ้านตัวเองแม้ยอดขายจะลดจากวันละ 40,000-50,000 บาท เหลือเพียง 1,000-2,000 บาทก็ตาม บางรายต้องเปลี่ยนอาชีพไปจำหน่ายอาหาร มีรายได้ลดลงหลายเท่าตัวเหลือวันละ 1,000-2,000 บาท

นายรัฐวิทย์ อังคสกุลเกียรติ ประธานหอการค้าจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การปิดด่านถาวรช่องสะงำ ย่อมส่งผลกระทบเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดนที่มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท/ ปี เนื่องจากสินค้าที่นิยมส่งออก ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภค เช่น สบู่ ผงซักฟอก น้ำมัน เครื่องดื่ม ส่วนสินค้านำเข้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าเกษตรโดยเฉพาะ “มันสำปะหลัง” เมื่อปิดด่าน กลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือ กลุ่มธุรกิจนำเข้าสินค้าเกษตร “มันสำปะหลัง” เพื่อนำมาขายให้กับกลุ่มผู้แปรรูป

จันทบุรีนักท่องเที่ยว 0%

นางสาววิยะดา อมรเพชรกุล ผู้บริหาร บริษัท บุญศิริเดินเรือ จำกัด ผู้ให้บริการเรือและรถโดยสารเส้นทางเชื่อมโยงไทย-กัมพูชา กล่าวว่า ที่ผ่านมายังมีนักท่องเที่ยวจากกัมพูชาเข้ามาทางบกฝั่งจังหวัดจันทบุรีอยู่บ้าง แต่เมื่อมีมาตรการควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทางบกระหว่างไทย-กัมพูชาทั้งหมด ทำให้ต้องงดการเดินทางเข้า-ออกนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ จึงได้แจ้งหยุดให้บริการกับลูกค้าชั่วคราวทันที เมื่อมีประกาศปิดด่าน

ทางด้านเจ้าของบริษัททัวร์ Saosao_tour&RVS_Travel ท่องเที่ยวไทย-กัมพูชา กล่าวว่า ทัวร์คนไทยไปเที่ยวกัมพูชาได้รับความนิยมมาก 2 เส้นทาง คือ ด้านตะวันออก จ.เกาะกง กัมปอต สีหนุวิลล์ และทัวร์ด้านตะวันตก เสียมเรียบ นครวัด ช่วงนี้เป็นฤดูฝน ปกติรับคณะนักท่องเที่ยวไทยไปเที่ยวกัมพูชาเดือนละ 1-2 คณะ และช่วงไฮซีซั่น เดือนตุลาคม-ธันวาคม จะมีเดือนละ 3-4 คณะ เมื่อนักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ขณะนี้ยอดจองไว้ยกเลิกทั้งหมด หรือนักท่องเที่ยวเป็น 0%

หันส่งออก-นำเข้าทางทะเล

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการส่งออกรายย่อยใน จ.ตราด กล่าวว่า ผู้ส่งออกสินค้าชายแดนส่วนใหญ่เป็นรายย่อย ตอนนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากที่มีข่าวการปรับเวลาปิด-เปิดด่าน และล่าสุดมีการปิดด่านบกทุกด่าน สินค้าที่เคยส่งทางบก ด้านจุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม ไม่สามารถส่งไปได้ ผู้ค้ารายย่อยพยายามที่จะส่งสินค้าไปทางเรือที่คาดว่าจะสามารถส่งออกได้ โดยไปขึ้นที่ท่าเรือกัมปอตและสีหนุวิลล์ แต่ไม่สามารถส่งได้ เพราะมีข้อจำกัดที่ด่านศุลกากรไม่ดำเนินการพิธีการศุลกากรให้

“ปกติสินค้าที่ส่งออกเองเดือนละ 2-3 เที่ยว และที่ส่งไปชายแดนมีกัมพูชารับไปขายสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ตอนนี้คือส่งออกไม่ได้เลย ครั้งแรกมีข่าวปิดชายแดนจุดถาวรบ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด คิดว่าจังหวัดตราดยังมีท่าเรือ ส.กฤตวัตร ให้บริการอีกแห่งหนึ่ง แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการพิธีศุลกากรให้ได้ คือส่งออกไม่ได้ทั้งทางบก ทางน้ำ” แหล่งข่าวกล่าว

แหล่งข่าวจากผู้ทำธุรกิจค้าชายแเดน จ.สระแก้ว เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เปิดบริษัททำธุรกิจค้าส่งในพนมเปญ และสินค้ากระจายทั่วไป เมื่อมีมาตรการเข้มข้นขึ้นถึงขั้นปิดด่าน ที่ไม่ได้แจ้งเตือนล่วงหน้า ยอมรับว่ามีความวิตกกังวล เพราะธุรกิจที่มีเครดิต มีหนี้สิน สินค้าที่เตรียมส่งออกต้องเก็บเข้าโกดัง เพื่อรอเวลาที่ด่านเปิด ซึ่งถ้าเป็นสินค้าที่เป็นเทรดดิ้งผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบกันเอง แต่ถ้าเป็นบริษัทส่งออกเอง สินค้าที่นำกลับมายังสามารถกระจายไปที่ต่าง ๆ ได้