เรือประมงต่างชาติลอบขนทุเรียนเวียดนามเข้าไทย

Smuggling durian

เรือประมงต่างชาติลักลอบขนทุเรียนเวียดนามราคาถูกเข้าไทย ทำราคาปิดฤดูภาคตะวันออกดิ่ง ฉุดราคาเปิดฤดูภาคใต้วูบตาม เกรด AB 100-105 บาท/กก. เผยยอดส่งออกทุเรียนครึ่งปีเฉียด 6 แสนตัน มูลค่ากว่า 7 หมื่นล้านบาท

แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการค้าทุเรียนทางภาคใต้ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้มีการลักลอบนำเข้าทุเรียนจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะทุเรียนสด และทุเรียนแช่แข็งจากประเทศเวียดนาม ซึ่งมีราคาถูกมากประมาณ 25-27 บาท/กก. โดยมีการนำเข้ามาทางเรือประมงต่างชาติวันละหลายลำ แล้วนำขึ้นบริเวณท่าเรือชายฝั่งภาคตะวันออก ส่งขายให้กับกลุ่มการค้าทุเรียนกระจายขายไปยังจังหวัดต่าง ๆ

ขณะเดียวกันปริมาณฝนที่ตกมากในภาคตะวันออกส่งผลต่อคุณภาพทุเรียน ทำให้ราคาทุเรียนภาคตะวันออกช่วงใกล้ปิดฤดูตกต่ำลงอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อช่วงเปิดฤดูทุเรียนภาคใต้ปี 2568 ราคาตกต่ำมาก ราคารับซื้อเกรด AB 100-105 บาท/กก. เกรด C 75-80 บาท/กก. และเกรด ABC 90 บาท/กก. ตามราคาภาคตะออกที่กำลังใกล้ช่วงปิดฤดู จากปกติช่วงต้นฤดูจะขายได้ราคาสูง 180-200 บาท/กก.

“ปกติผลผลิตน้อยช่วงใกล้ปิดฤดูราคาจะพุ่งขึ้นสูง และทำให้ราคาทุเรียนช่วงเปิดฤดูภาคใต้ดีดขึ้นไปด้วย แต่ปีนี้ราคาต่ำกว่า 100 บาท/กก. และเพิ่งดีดขึ้นมาเหนือ 100 บาท/กก.ในสัปดาห์นี้ น่ากังวลทุเรียนต่างประเทศที่เข้าสู่ตลาดไทยเรื่องของการสวมสิทธิทุเรียนไทย เพราะจะส่งผลต่อภาพลักษณ์คุณภาพทุเรียนไทยทันที และจะขาดความเชื่อมั่นจากผู้บริโภค ที่สำคัญทุเรียนเวียดนามก็ประสบปัญหาสารตกค้างแคดเมียมเกินค่ามาตรฐาน เสี่ยงต่อการส่งออกไปตลาดจีน และหากมาขายในประเทศผู้บริโภคคนไทยก็เสี่ยงอันตรายถ้ากินเข้าไป คงต้องให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้มงวดกวดขัน และเร่งตรวจจับ” แหล่งข่าวกล่าวและว่า

นายไพรวัลย์ ชูใหม่ ที่ปรึกษาทำสวนทุเรียน อ.กงหรา จ.พัทลุง เปิดเผยว่า ราคาทุเรียนล่าสุดน่าจะเป็นรุ่นสุดท้ายของ จ.จันทบุรี ราคาเกรด AB เฉลี่ย 95 บาท/กก. จึงน่ากังวลราคาทุเรียนทางภาคใต้ที่ออกผลผลิตในขณะนี้ โดยทยอยออกเริ่มจาก จ.ชุมพร ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง นครศรีธรรมราช พัทลุง และจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา สำหรับ จ.พัทลุง ทุเรียนที่ออกดอกแรกได้ให้ผลผลิตแล้ว เช่น โซน อ.ตะโหมด อ.กงหรา แต่เป็นรุ่นที่ผลผลิตปริมาณไม่มาก โดยจะออกเป็นชุดใหญ่ประมาณต้นเดือนสิงหาคม

นายไพรวัลย์กล่าวต่อไปว่า การลงทุนปลูกทุเรียนมีการแข่งขันกันสูงขึ้นเรื่อย ๆ กับประเทศคู่แข่งอื่นในอาเซียน และทุกคนส่งเข้าไปขายในตลาดหลักจีนเช่นเดียวกัน เช่น เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย กัมพูชา สปป.ลาว ดังนั้น ผู้ที่สนใจลงทุนปลูกทุเรียนจะต้องมีการปรับตัวให้ยืดหยุ่น เพราะมีต้นทุนการผลิตสูง เช่น ทั้งค่าขนส่ง แรงงาน ยา ฯลฯ ที่สำคัญเรื่องของธรรมชาติสภาพดินฟ้าอากาศที่จะส่งผลกระทบ เช่น ภาคใต้ ขณะนี้บางช่วงเกิดฝนตกหนัก พายุจัด แล้งจัด ความชื้นอากาศแปรปรวน

รายงานข่าวจากสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตร เขตที่ 5 จ.สงขลา ดูแลพื้นที่ภาคใต้ เปิดเผยว่า สถานการณ์ผลไม้ภาคใต้ในปี 2568 จากการประเมินล่าสุดในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการจัดทำข้อมูลเอกภาพไม้ผลภาคใต้ปี 2568 ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 28-30 พฤษภาคม 2568 13 จังหวัดภาคใต้ พบว่าทุเรียนในปี 2568 มีเนื้อที่ยืนต้นถึง 870,593 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 6.88 และเนื้อที่ให้ผล 622,111 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 7.54

ADVERTISMENT

เนื่องจากปัจจัยราคาดีต่อเนื่อง ทำให้มีการปลูกทุเรียนแทนกาแฟ ยางพารา และไม้ผลอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ปีนี้ผลผลิตทุเรียนเพิ่มขึ้น เนื่องจากทุเรียนที่ปลูกในปี 2562 เริ่มให้ผลผลิตในปีนี้ ทำให้ผลผลิตรวมปี 2568 คาดว่าจะมี 606,958 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.46 และมีผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล 976 กิโลกรัม/ไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.43

รายงานข่าวจากกรมวิชาการเกษตรแจ้งสถิติการส่งออกทุเรียนไปจีน รวมปริมาณการส่งออกทั้งด่านทางบก ทางเรือ ทางรถไฟ และทางอากาศทั้งสิ้น ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 25 มิถุนายน 2568 ส่งออกจำนวน 36,230 ตู้/ชิปเมนต์ รวมปริมาณ 585,871.66 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 72,284.22 ล้านบาท แบ่งเป็น การส่งออกของภาคตะวันออก จำนวน 33,514 ตู้/ชิปเมนต์ รวมปริมาณ 563,972.91 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 67,465.66 ล้านบาท

ในส่วนของภาคใต้ ส่งออกจำนวน 2,437 ตู้/ชิปเมนต์ รวมปริมาณ 35,301.15 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,307 ล้านบาท และภาคอื่น ๆ จำนวน 156 ตู้/ชิปเมนต์ รวมปริมาณ 2,631.28 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 318.15 ล้านบาท

สำหรับด่าน 9 ด่าน ได้แก่ นครพนม มุกดาหาร ลาดกระบัง เชียงแสน เชียงของ ท่าเรือแหลมฉบัง หนองคาย ส่วนทางอากาศ ได้แก่ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ