ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดตรังว่า ชาวบ้านหมู่ที่ 7 บ้านเขาหลัก ต.น้ำผุด อ.เมือง จ.ตรัง ใช้เวลาว่างในการปีนขึ้นไปเก็บลูกมะไฟกา ซึ่งจัดอยู่ในตระกูลเดียวกับมะไฟ ตะลิงปริงและมะยม แต่เมื่อสุกจะมีลูกสีแดงสดตั้งแต่โคนต้นถึงปลายกิ่งทุกกิ่งเลยทีเดียว ส่วนรสชาติจะหวานกว่ามะไฟป่า ชาวบ้านเก็บไปขายในชุมชน ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 50 บาท ปรากฏว่ามีเท่าไหร่ก็ไม่พอกับความต้องการของนักท่องเที่ยว
ซึ่งมะไฟกาเป็นผลไม้พื้นเมืองทางภาคใต้ พบมากแถบเทือกเขาบรรทัดบริเวณป่าดิบชื้น ตั้งแต่ จ.พังงา นครศรีธรรมราช พัทลุง สตูล และ จ.ตรัง ให้ผลดกต้นละไม่ต่ำกว่า 800-1,000 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี โดยจะออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคมและสุกราวกลางเดือนสิงหาคมของทุกปี ซึ่ง 1 ปีจะมีลูกให้กินแค่ 1 ครั้งหรือประมาณ 2 เดือนก็จะร่วงหล่น มีวิตามินซีสูง ช่วยในระบบขับถ่าย บำรุงกระดูกและฟัน สามารถนำไปกินผลสด หรือทำน้ำมะไฟกา นำเปลือกสีแดงไปแกงส้ม ต้มยำ แกงเลียงหรือแกงกับหนางหมูก็ได้
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
- แจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท จุลพันธ์ชงบอร์ดชุดใหญ่ 27 มี.ค.นี้
- เปิดไทม์ไลน์ แจกเงิน 10,000 ลงทะเบียนเมื่อไหร่ เงื่อนไขเป็นยังไง
ผลจากการที่ชาวบ้านตำบลน้ำผุดช่วยกันอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ จึงทำให้ยังคงมีต้นมะไฟกาที่หากินได้ยากนับร้อยต้นหลงเหลืออยู่ในพื้นที่ และสร้างรายได้ให้กับชุมชนปีละไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท ซึ่งความสวยงามของต้นมะไฟกาที่สุกแดงเต็มต้น ทำให้ปัจจุบันมีผู้นิยมนำไปปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับและจัดสวนให้สวยงาม ขณะที่ชุมชนบ้านเขาหลักได้นำต้นกล้ามะไฟกาใส่ถุง แจกนักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจนำไปปลูกเพื่อขยายพันธุ์ในสภาพอากาศที่เหมาะสมแล้วกว่า 100 ต้น
ด้านนายภาส จันทร์หอม อายุ 53 ปีกรรมการชุมชนบ้านเขาหลัก ต.น้ำผุด อ.เมืองตรังกล่าวว่า พบมากในป่าดิบชื้นแถบเทือกเขาบรรทัดหลายจังหวัดภาคใต้ หนึ่งปีจะมีลูก 1 ครั้งตั้งแต่โคนถึงปลายกิ่ง นักท่องเที่ยวชอบมากมีเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย เนื่องจากมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดหน่อย นำไปแกงก็ได้และมีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย
ที่มา มติชนออนไลน์