บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ถือเป็นหนึ่งฟันเฟืองในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการ “ลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาคุณภาพคน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน” ใน 76 จังหวัด โดยมีเป้าหมายสำคัญ เพื่อ “พัฒนาเศรษฐกิจชุมชนให้เข้มแข็ง ประชาชนมีความสุข และมีรายได้เพิ่มขึ้น” โดยใช้พลัง “ประชารัฐ” เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อน คือ ชุมชนลงมือทำ เอกชนขับเคลื่อน และรัฐบาลสนับสนุน” “ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์ “นายลือพงษ์ อ๋องเจริญ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประชารัฐรักสามัคคีตรัง (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ถึงนโยบายและทิศทางการดำเนินงานปัจจุบันและอนาคต
ทิศทางพัฒนาประชารัฐฯตรัง
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- ออมสิน ฉลองครบวาระ 111 ปี จัดเต็ม สลากออมสินลุ้นรางวัลใหญ่ 111 ล้านบาท
- สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ “เอไอเอส” สละโสดในวัย 62 ปี
บริษัทได้ศึกษาวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อม จุดแข็งของจังหวัดตรัง ในเรื่องต้นทุนทางธรรมชาติ มีความหลากหลายทางชีวภาพทั้งในท้องทะเล ชายฝั่ง และป่าดิบชื้นในป่าเทือกเขาบรรทัด รวมถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทางด้านสติปัญญาแหล่งศึกษาในพื้นที่ และเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบินตรัง ท่าเทียบเรือเพื่อการท่องเที่ยว ท่าเรือขนส่งสินค้า และเส้นทางรถไฟสายอันดามัน รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานไว้แล้ว ด้วยศักยภาพของจังหวัดตรัง ซึ่งเชื่อมทะเล 2 ฝั่งคือ อ่าวไทยและอันดามัน บริษัทจึงได้นำจุดแข็งและโอกาสมาปักหมุดกำหนดตำแหน่งทางยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดตรังไปสู่ Trang 4.0 ภายใต้ภารกิจของบริษัท ทั้งด้านการเกษตร การแปรรูป และการท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างมีทิศทางที่ชัดเจน
3 ยุทธศาสตร์สู่ Trang 4.0
ประกอบด้วย 3 ด้าน คือ 1.ด้านการเกษตร พัฒนาจังหวัดตรังให้เป็นเมืองเกษตรอินทรีย์และสมุนไพร ปรับยุทธศาสตร์การทำเกษตรเชิงเดี่ยว ซึ่งใช้สารเคมีและทำลายสภาพแวดล้อม เป็นเกษตรแบบผสมผสานหรือเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ดูแลสุขภาพ มีกำลังซื้อปานกลางและสูง เป็นการยกระดับรายได้ของเกษตรกรให้สูงขึ้น
2.ด้านการแปรรูป พัฒนาจังหวัดตรังให้เป็นเมืองเวชสำอาง โดยจังหวัดตรังมีต้นทุนทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ล้วนเป็นต้นทุนขุมทรัพย์ทางธรรมชาติที่มีคุณค่าและมูลค่า สามารถนำมาวิจัยและพัฒนา เป็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรม เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม ตอบโจทย์ประเทศไทย 4.0
3.การท่องเที่ยวโดยชุมชนพัฒนาจังหวัดตรังให้เป็นเมืองเวชนคร (medicopolis) และเมืองตักศิลาศูนย์กลางการศึกษาอันดามัน ในส่วนเมืองเวชนคร เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและบริการทางการแพทย์ โดยจังหวัดตรังมีต้นทุนที่สำคัญ คือที่ดินชายทะเล ซึ่งทางราชการได้ประกาศเป็นที่สาธารณประโยชน์ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ทุ่งหาดยับ ตั้งอยู่ชายทะเลฝั่งอันดามันที่บ้านเจ้าไหม ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง เนื้อที่ 1,344 ไร่ อยู่ในการดูแลของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย หากมีการใช้ประโยชน์เต็มพื้นที่ จะนำรายได้เข้าประเทศและจังหวัดตรัง ปีละหลายหมื่นล้านบาท เป็นการเพิ่ม GDP ภาคบริการของประเทศไทย
ฮับการศึกษาอันดามัน
ส่วนแนวคิดเมืองตักศิลาศูนย์กลางการศึกษาอันดามัน หากสถาบันการศึกษาหลายแห่งได้ร่วมกันวางแผนพัฒนาแบบบูรณาการ โดยมุ่งเป้าให้เป็นเมืองตักศิลาศูนย์กลางการศึกษาอันดามัน จะก่อประโยชน์ในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ เป็นการพัฒนาทุนมนุษย์ให้มีคุณภาพ คุณธรรม และเป็นแหล่งศึกษาดูงานที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝั่งทะเลอันดามัน
ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาเศรษฐกิจทั้งเศรษฐกิจฐานรากและเศรษฐกิจกระแสหลักตามนโยบายสานพลังประชารัฐต้องเชื่อมโยงสัมพันธ์กัน เป็นการพัฒนาแบบองค์รวมมองให้ครอบคลุมทุกด้าน ทุกมิติแบบบูรณาการเชิงพื้นที่และมองเพื่ออนาคตด้วยมุมมองที่หลากหลายและสร้างสรรค์ จึงถือเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน