“ยู”หนีตายโลจิสติกส์ข้ามชาติ พลิกขนพืชเกษตรส่งร้านชาบู

เครือชัยทรัพย์สุวรรณ ขนส่งสัญชาติไทยแท้ หนีตายยักษ์โลจิสติกส์ข้ามชาติดัมพ์ราคา ขาดทุนยับ 4 ปีรวด เฉพาะปี”60 รายได้ลดฮวบกว่า 50% เร่งปรับตัวแตกไลน์ธุรกิจ เป็น “พ่อค้าคนกลาง” ค้าส่งสินค้าเกษตร สั่งปลูก made to or-der จากไร่ส่งตรงถึงครัวร้านอาหาร ประเดิม “กระเทียม-ข้าวญี่ปุ่น” เจาะตลาดร้านชาบู-อาหารญี่ปุ่น

นายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานกลุ่มบริษัทเครือชัยทรัพย์สุวรรณ ผู้ดำเนินธุรกิจขนส่ง นำเข้า และจำหน่ายอะไหล่รถ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา บริษัทประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2560 รายได้รวมลดลงกว่า 50% เนื่องจากปี 2553 บริษัทได้ลงทุนค่อนข้างมาก และปัจจัยหลักธุรกิจขนส่งมีการแข่งขันสูง รถบรรทุกโอเวอร์ซัพพลาย งานลดลง รวมถึงตัดราคากันทำให้ค่าขนส่งถูกลงกว่า 30% เหลือเพียงตันละ 250 บาท จากเดิม 300 บาท/ตัน ขณะที่ธุรกิจจำหน่ายอะไหล่รถลดการขายลง เนื่องจากปล่อยเครดิตแล้วไม่สามารถเก็บเงินได้ ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้เปลี่ยนแปลงไป เป็นบริษัท เค.เอ็น.อาร์. กรุ๊พ 30% บริษัท ชัยทรัพย์สุวรรณเทรดดิ้ง 50% และบริษัท ที.เอช.ดี ออโต้พาร์ท 20% จากเดิมอยู่ที่ 40% 40% และ 20% ตามลำดับ

“ทุกวันนี้การขนส่งในวงการรถบรรทุกค่อนข้างสาหัส การแข่งขันสูง ใครสายป่านยาวก็ยังครองตัวอยู่ได้ ซึ่งเครือชัยทรัพย์สุวรรณได้ปรับตัวทุกวิธีการเพื่อให้อยู่รอดให้ได้ ผมมองว่าธุรกิจขนส่งที่ทำมา 40 ปี หลังจากนี้ไปคงจะต้องจบลง เพราะการเปิดเสรีตามข้อตกลงต่าง ๆ ทำให้ธุรกิจขนส่งตกอยู่ในมือต่างชาติ ส่วนคนไทยสามารถทำได้แบบท้องถิ่น ทำแบบอินเตอร์ไม่ได้” นายยูกล่าว

นายยูกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กำลังแตกไลน์สู่การขนส่งสินค้าเกษตร เบื้องต้นได้ตั้งทีมงานขึ้นมาดูแลการรับซื้อกระเทียมจากเกษตรกรในพื้นที่ต่าง ๆ โดยตรง ซึ่งช่วงแรกตั้งเป้ารับซื้อ 5 ตัน/สัปดาห์ และอนาคตจะเพิ่มเป็น 10 ตัน/สัปดาห์ ด้านการตลาดมีหลายช่องทาง ทั้งการจำหน่ายตรงให้ผู้ใช้ ผู้ค้าส่งในจังหวัด และกระจายผลผลิตสู่ต่างจังหวัด รวมถึงส่งร้านอาหาร เช่น ร้านชาบู ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุย

ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและลดการผ่านคนกลางนอกจากนี้ได้ศึกษาข้าวดอย ซึ่งเป็นข้าวสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่ปลูกใน จ.แม่ฮ่องสอน โดยติดต่อเกษตรกรผ่านโรงสีในพื้นที่ให้ช่วยรับประกันราคา ขณะนี้เกษตรกรเริ่มปลูกข้าวแล้ว และบริษัทจะรับซื้อทั้งหมด โดยข้าวเปลือกจะรับซื้อราคาที่สูงกว่าตลาดกิโลกรัมละ 3 บาท จากเดิมเกษตรกรสามารถจำหน่ายได้ 7 บาท/กก. หรือเพิ่มขึ้นตันละ 3,000 บาท

ส่วนของการตลาดจะดีลกับร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ สำหรับราคาขายอยู่ระหว่างการพิจารณา เนื่องจากที่สำรวจในตลาดพบมีราคาตั้งแต่ 50-100 บาท/กก.

“ผมคิดแทนทุกคนในการที่จะทำให้ประเทศเดินต่อไปได้ เมื่ออนาคต AI เข้ามา จะต้องมีพนักงานที่มีความรู้ความสามารถตกงานจำนวนมาก ซึ่งคนกลุ่มนี้จะต้องกลับบ้านเกิดต่างจังหวัด ทำยังไงถึงให้คนกลุ่มนี้ไปพัฒนาต่อยอด เบื้องต้นจึงเข้าไปรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรก่อน และนอกจากกระเทียมและข้าวญี่ปุ่นแล้ว ยังมองพืชเกษตรชนิดอื่นด้วย” นายยูกล่าวและว่าปัจจุบันเครือชัยทรัพย์สุวรรณประกอบด้วย 3 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัท เค.เอ็น.อาร์. กรุ๊พ จำกัด ดำเนินธุรกิจขนส่ง ได้แก่ ปูนซีเมนต์ เถ้าลอยลิกไนต์ (fly ash) และขี้เถ้า แยกเป็นขนส่งในประเทศ 80% และต่างประเทศ 20% โดยมีสำนักงานทั้งหมด 3 แห่ง คือ จ.ระยอง ขนส่งสินค้าประเภทเม็ดพลาสติก, จ.สระบุรี ขนส่งปูนซีเมนต์ เถ้าลอยลิกไนต์ และ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ขนส่งเคมีน้ำ ส่วนใหญ่รับงานจากโรงงานเป็นสัญญาระยะยาว

ขณะเดียวกันยังรับขนส่งเป็นโปรเจ็กต์ ซึ่งปัจจุบันมี 2 โปรเจ็กต์ที่กำลังดำเนินการ คือ 1) โครงการก่อสร้างเขื่อนที่ปากซอง เมืองปากซอง สปป.ลาว ซึ่งได้ทำสัญญากับจีน โดยขนส่งปูนซีเมนต์ผ่าน จ.อุบลราชธานี ไปเมืองเวียงจันทน์ สปป.ลาว 2) โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟลาว-จีน เป็นเส้นทาง R3 จากบ่อเต็น-เวียงจันทน์ สปป.ลาว ระยะทาง 421 กม. คาดจะแล้วเสร็จปี 2564


2.บริษัท ชัยทรัพย์สุวรรณ เทรดดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายอะไหล่รถ ซึ่งเป็นพาร์ตดีลเลอร์ของโตโยต้ามา 30 ปี โดยเป็น 1 ใน 6 พาร์ตดีลเลอร์ทั่วประเทศของโตโยต้า นับเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมั่นคง โดยจะจำหน่ายอะไหล่ให้ซับดีลเลอร์รายใหญ่ในกรุงเทพฯ ที่จะกระจายสินค้าไปทั่วประเทศ ปัจจุบันมีลูกค้า 20-30 ราย ซึ่งเป็นอะไหล่ประเภทอาฟเตอร์เซล หรือรถที่มีอายุเกิน 5 ปี และไม่ได้เข้าศูนย์ และ 3.บริษัท ที.เอช.ดี ออโต้พาร์ท จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเข้ายางรถยนต์และอะไหล่จากจีน