เปิดธุรกิจ “ชวลิต ประตูน้ำขอนแก่น” บิ๊กศูนย์ค้าส่ง-ปลีกเสื้อผ้าอีสาน สู่ธุรกิจสวนน้ำ

สัมภาษณ์

การผงาดอยู่ท่ามกลางการแข่งขันอย่างรุนแรงของธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกรายใหญ่ของ “บริษัท ประตูน้ำขอนแก่น จำกัด” ศูนย์ค้าส่งและค้าปลีกขนาดใหญ่ในจังหวัดขอนแก่นซึ่งดำเนินการมาได้กว่า 12 ปี ถือเป็นเรื่องน่าสนใจและท้าทายยิ่ง “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “ชวลิต ประตูน้ำขอนแก่น” ประธานกรรมการบริษัท ถึงประวัติความเป็นมาและแผนการบริหารจัดการ แผนการตลาด จนเติบโตมาถึงวันนี้

“ชวลิต” เล่าว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ในปี 2540 ส่งผลให้ภาคธุรกิจประสบภาวะย่ำแย่ แรงงานตกงาน บางส่วนต้องไปหาทางเปิดท้ายขายของ ปี 2549 จึงได้เริ่มปรับเปลี่ยนโกดังเก็บสินค้า ขนาด 5,000 ตารางเมตร ติดถนนมิตรภาพ เป็นสถานที่ขายของให้กับกลุ่มเปิดท้ายขายของประมาณ 600 ร้านค้า ด้วยการให้อยู่ฟรี 6 เดือน และช่วยออกค่าน้ำ-ไฟ เดือนละ 500 บาท

ประกอบกับวิสัยทัศน์ในการบริหารที่ชอบพบปะกับผู้ค้าอยู่เสมอ พร้อมให้คำปรึกษา แนะนำ และจัดอบรมให้ความรู้ต่าง ๆ ให้ผู้ค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การค้าในศูนย์ค้าส่ง-ปลีกแห่งนี้คึกคักขึ้น ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ต้องมีการขยายอาคารเพื่อรองรับ

ปัจจุบันมีการขยายพื้นที่ครอบคลุมกว่า 200 ไร่ ทั้งหมด 6 อาคาร และเปิดให้บริการต่อเนื่องมาย่างเข้าสู่ปีที่ 12 แล้ว นอกจากนี้ ยังได้ลงทุนธุรกิจโรงแรม และสวนน้ำไดโนวอเตอร์พาร์คเพิ่มเติมอีกด้วย

สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ กระเป๋า รวมถึงประดับยนต์ และจากศักยภาพของจังหวัดขอนแก่นที่เป็นศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ค้ารายย่อยจากทั้งจังหวัดหนองคาย กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด เลย และอุดรธานีกว่า 70% รวมถึงต่างประเทศอีกกว่า 20-30% เช่น สปป.ลาว และกัมพูชา เดินทางเข้ามาซื้อสินค้าที่ประตูน้ำขอนแก่น ขณะเดียวกัน เริ่มเห็นคนเวียดนามและจีนมากขึ้น โดยช่วงจันทร์-ศุกร์เป็นกลุ่มลูกค้าค้าส่ง สำหรับเสาร์-อาทิตย์เป็นกลุ่มผู้ค้าส่งและซื้อปลีก

ขณะนี้ศูนย์ค้าส่งแห่งนี้มีร้านค้าประมาณ 1,500 ร้าน มีผู้ค้ารวมกว่า 3,000 คน ซึ่งคิดเป็นกว่า 70% ของพื้นที่ทั้งหมดที่สามารถรองรับได้ถึง 2,000 ร้านค้า ขณะเดียวกัน จำนวนผู้ค้ามีอัตราเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 20% โดยค่าเช่าอยู่ที่ 5,000-8,000 บาทต่อเดือน โดยจุดเด่นคือ ผู้ค้าส่วนใหญ่เป็นเจ้าของโรงงาน มาเปิดเป็นร้านค้าส่งขนาดใหญ่ ทำให้ราคาสินค้าถูกกว่าที่อื่น อีกทั้งยังมีอาคารพาณิชย์โดยรอบอาคารต่าง ๆ เพื่อรองรับกลุ่มผู้ค้าในการอยู่อาศัยและทำธุรกิจ เช่น โรงงานการ์เมนต์ เป็นต้น

ปัจจุบันศูนย์ค้าส่งมีคนหมุนเวียนเฉลี่ยวันละ 3,000 คน ขณะที่วันเสาร์-อาทิตย์เฉลี่ยวันละ 30,000-50,000 คน และมีเงินหมุนเวียนวันละไม่ต่ำกว่า 10-15 ล้านบาท สะท้อนจากการเดินบัญชีธนาคารของผู้ค้า และบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด ได้มาเปิดสาขาในการจัดส่งพัสดุถึง 3 สาขา และมีเครืออมรกรุ๊ปเข้ามาเปิดสาขาอีก 1 แห่ง คาดว่ามีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี

ส่วนการตลาดนั้น ประตูน้ำขอนแก่นทำการโฆษณาผ่านสถานีวิทยุ 2 สถานี มุ่งเน้นเจาะตลาดทุกกลุ่ม ทำให้มีรายได้ต่อปีทะลุร้อยล้านบาท และเติบโตปีละกว่า 10% รวมถึงปัจจัยกำลังซื้อที่ดีขึ้น และกลุ่มผู้ค้าเริ่มทำตลาดออนไลน์ค้าส่ง-ปลีกมากขึ้น ประกอบกับจังหวัดขอนแก่นมีลูกค้ากลุ่มเงินเดือนค่อนข้างสูง ทั้งข้าราชการ และกลุ่มสัมมนาต่าง ๆ นับเป็นส่วนขับเคลื่อนกำลังซื้อที่สำคัญ สำหรับการแข่งขันก็มีบ้าง แต่ที่อื่นมีร้านค้าน้อยกว่า และส่วนใหญ่ก็เป็นร้านย่อยของร้านที่เปิดในประตูน้ำขอนแก่น

ด้าน “สวนน้ำไดโนวอเตอร์พาร์ค” ที่เปิดดำเนินการมาประมาณ 2 ปี ว่า เพื่อรองรับการท่องเที่ยว และรองรับรถไฟความเร็วสูงจีน-เวียงจันทน์ สปป.ลาว ที่จะเชื่อมเข้าประเทศไทยในอนาคต ปัจจุบันช่วงไฮซีซั่นตั้งแต่มกราคม-มิถุนายน ซึ่งตรงกับช่วงปิดเทอม และอีก 6 เดือนเป็นช่วงโลว์ซีซั่น โดยกลุ่มลูกค้าหลักคือ กลุ่มครอบครัว และกลุ่มสัมมนา โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 70% และ สปป.ลาว 30% ราคาค่าเข้าเริ่มต้น 200 บาท

“ได้พูดคุยกับกงสุลใหญ่จีน ประจำจ.ขอนแก่น เพื่อผลักดันประสานรัฐบาลไทยในการเปิดให้คนจีนสามารถเข้ามาค้าขายในไทยได้ อีกทั้งมีการพูดคุยกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวจีน ในการทำไดเร็กต์ไฟลต์มาจังหวัดขอนแก่น ถ้าผลักดันได้กลุ่มคนจีนจะนำสินค้ามาขายที่นี่ และน่าจะคึกคักมากขึ้น”

ด้านธุรกิจโรงแรมประตูน้ำขอนแก่นโฮเต็ลนั้น เป็นธุรกิจที่รองรับทั้งศูนย์ค้าส่งและสวนน้ำ นอกจากนี้ ยังได้กลุ่มประชุมสัมมนามาจัดที่หอประชุมไคซ์ด้วย เป็นโรงแรม 3 ดาว ขนาด 125 ห้อง อัตราการเข้าพักประมาณ 60% ราคาห้องอยู่ที่ 750 บาทต่อวัน และเตรียมทยอยรีโนเวตห้องพัก เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างสูง เพราะหอพักบางแห่งหันมาให้บริการเป็นโรงแรมมากขึ้น และดัมพ์ราคาเหลือเพียง 300 บาทต่อวันเท่านั้น

ในอนาคตหากมีการเชื่อมต่อด้านการคมนาคม ทั้งรถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงจากจีน ระบบรางเบาในขอนแก่น ซึ่งขณะนี้เตรียมงบฯกว่า 30 ล้านบาทในการทำอาคารเชื่อมต่อจากสถานีประตูน้ำ ที่ในแผนเส้นทางเดินรถเข้าสู่ศูนย์ค้าส่ง ทั้งหมดนี้จะทำให้ขอนแก่นพลิกโฉมอีกครั้งหนึ่ง เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น รวมถึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากขึ้น ทำให้การเดินทางเข้ามาศูนย์ค้าส่งประตูน้ำขอนแก่นสะดวกมากขึ้น