“เงินจ๊าต”ผันผวนทำค้าชายแดนตากสูญพันล้าน

เงินจ๊าต

“ผู้ประกอบการค้าชายแดนไทย-เมียนมา” กระอักสูญพันล้านบาทต่อเดือน หลัง “ค่าเงินจ๊าต” ดิ่ง วอนแบงก์ชาติไทย-รัฐบาลเมียนมา แก้ปัญหาดึง “เสถียรภาพค่าเงินจ๊าต” หวั่นปัจจัยภายนอกกระทบค่าเงินตก หลัง 2 เดือนที่ผ่านมา ภัยพิบัติ-ปั่นราคาทำเสียหายหนัก คาดหากไม่รีบแก้ไขอาจกระทบซ้ำ

นายชวพันธ์ ชวเจริญพันธ์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผู้ประกอบการค้าชายแดนในจังหวัดตากต่างได้รับผลกระทบจากการที่ค่าเงินจ๊าตของประเทศเมียนมา มีอัตราแลกเปลี่ยนลดลงราว 25% จาก 2.3 บาทต่อ 100 จ๊าต เป็น 1.9 บาทต่อ 100 จ๊าต คิดเป็นมูลค่าความเสียหายจากส่วนต่างของค่าเงินดังกล่าว ประมาณ 1,000 ล้านบาท/เดือน ก่อนที่จะเริ่มฟื้นตัวกลับมาที่ 2.1-2.2 บาทต่อ 100 จ๊าต ในปัจจุบัน เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดภัยพิบัติในประเทศเมียนมา รวมถึงการปั่นค่าเงินในฝั่งเมียนมา แต่หลังจากรัฐบาลเมียนมามีการปราบปราม ทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น

โดยที่ผ่านมา ภาคเอกชนทั้งในประเทศไทยและฝั่งเมียนมามีการรวมตัวกันเสนอข้อเรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และภาครัฐของทางเมียนมาเข้ามาช่วยหาวิธีการจับคู่ค่าเงินระหว่างเงินจ๊าต และเงินบาท เพื่อช่วยประคองเสถียรภาพของค่าเงินจ๊าต ซึ่งทาง ธปท.ได้รับหลักการแล้ว แต่ยังไม่ได้ดำเนินการต่อทั้งในส่วนของทางการไทย และเมียนมา โดยหากปล่อยให้ค่าเงินของประเทศเมียนมาไม่มีเสถียรภาพต่อเนื่องไป อาจทำให้ปัจจัยภายนอกอื่น ๆ เข้ามากระทบให้ค่าเงินตกลงได้เหมือนช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2561 นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า ได้มีการทำความตกลงชำระราคาด้วยเงินสกุลท้องถิ่นแล้ว 4 ประเทศ ได้แก่ ริงกิตของมาเลเซีย รูเปียห์อินโดนีเซีย เยนญี่ปุ่น และเงินหยวนของจีน และได้พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อชำระเงินข้ามประเทศกับเพื่อนบ้าน ทั้ง สปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา เช่น ธนาคารพาณิชย์ไทยบางแห่งใช้คิวอาร์โค้ดสแตนดาร์ดเพื่อทำธุรกรรมข้ามพรมแดนแล้ว และพยายามส่งเสริมการใช้เงินสกุลท้องถิ่นมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนจากส่วนต่างให้แคบลง