
วันนี้ (16 ต.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่าได้มีตัวแทนกลุ่มชาวบ้านจาก ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน ประมาณ 10 คน นำโดยนายประยุทธ แสนศักดิ์หาญ พากันเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนางกฤษนันท์ ทะวิชัย อุตสาหกรรม จ.เชียงราย เพื่อคัดค้านกรณีมีเอกชนคือบริษัท นุนแท่น กรุ๊ป จำกัด มีแผนจะเข้าไปขอจัดตั้งโรงงานแต่งแร่ดีบุกพื้นที่หมู่บ้านสันคะเค็ด หมู่ 9 ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน เนื้อที่ 15 ไร่ 3 ตารางวา ห่างจากหนองบัวหลวงซึ่งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่เพียงประมาณ 1 กิโลเมตร
โดยชาวบ้านแจ้งว่ามีความกังวลจะทำให้น้ำเสียไหลลงสู่แหล่งน้ำดังกล่าวซึ่งชาวบ้าน 4 หมู่บ้านใช้ประโยชน์และปัจจุบันยังเป็นเแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในพื้นที่อีกด้วย นอกจากนี้ยังเกรงว่าจะเกิดผลกระทบจากรถบรรทุกที่ขนแร่ดีบุกเข้าออกผ่านหมู่บ้านทำให้ถนนและบ้านเรือนเสียหาย ปัญหาฝุ่นละอองและอื่นๆ รวมถึงเกรงว่าจะกระทบเหมือนที่หมู่บ้านคลิตี้ จ.กาญจนบุรี ด้วย
ด้านนางกฤษนันท์ ได้รับเรื่องจากชาวบ้านเอาไว้และแจ้งว่าปัจจุบันเอกชนยังไม่ได้ยื่นขออนุญาตก่อสร้างไปยังอุตสาหกรรมจังหวัด แต่ตามพระราชบัญญัติแร่กำหนดให้ภาคเอกชนต้องไปดำเนินการเรื่องรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอให้แล้วเสร็จก่อน ดังนั้นที่ผ่านมาจึงเป็นการชี้แจงให้ข้อมูลจากเอกชนสู่ชาวบ้านไปแล้ว 1 ครั้งเมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ถึงกระนั้นชาวบ้านยังกังวลและสงสัย ดังนั้นจึงจะมีการเชิญเอกชนมาให้ข้อมูลพร้อมกันกับชาวบ้าน โดยขอให้ชาวบ้านได้แจ้งข้อสงสัยต่างๆ ดังกล่าวเป็นข้อๆ โดยทางเจ้าหน้าที่พร้อมจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายต่อไป
นางกฤษนันท์ กล่าวว่า สำหรับกรณีเอกชนรายดังกล่าว ทราบว่าจะมีการนำเข้าแร่ดีบุกจากเหมืองแร่ในประเทศเมียนมาและเข้ามาทางเรือแม่น้ำโขงสู่ อ.เชียงแสน แล้วขนส่งไปยังจุดที่ตั้งโรงงานแล้วจะใช้ไฮโรไซโคลน เครื่องแยกแร่ โต๊ะแยกแร่ แยกแร่ด้วยแม่เหล็ก และไฟฟ้าสถิตหรือไฟฟ้าแรงสูง ซึ่งกระบวนการเหล่านี้หากเป็นโรงงานปิดที่มีระบบป้องกันอย่างดีก็คงไม่มีผลกระทบใดๆ แต่ภาคเอกชนจำเป็นจะต้องแจ้งให้ชาวบ้านทราบอย่างละเอียดรวมไปถึงข้อกังวลอื่นๆ ที่ชาวบ้านยังสงสัย เช่น โลจิสติกส์ ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน จ.เชียงราย ได้รับการจัดตั้งให้พื้นที่ 3 อำเภอชายแดนคือ อ.แม่สาย อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ ให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีภาคเอกชนสนใจเข้ามาลงทุน โดยหนึ่งในนั้นคือพื้นที่ อ.เชียงแสน ที่จะต้องศึกษาข้อมูลโครงการต่างๆ ให้ดี โดยเบื้องต้นคือรับฟังข้อมูลรายละเอียดจากภาคเอกชนที่จะไปให้ข้อมูลอย่างละเอียดก่อน ส่วนภาคเอกชนก็ควรให้ข้อมูลรอบด้านโดยกรณีนี้ทราบว่าจะมีการประชุมชี้แจง 2 ครั้ง ซึ่งตนเห็นว่าไม่เพียงพอ อาจจะขอให้เพิ่มเติมต่อไป