ดึงบายเออร์บุกงาน “Chiang Mai Design Week 2018” คาดรายได้ทะลุ 600 ล้าน

ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบเชียงใหม่ ร่วมกับองค์กรพันธมิตรกว่า 50 ราย จัดเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ “Chiang Mai Design Week 2018” ดึงบายเออร์ทั้งในและต่างประเทศพบผู้ประกอบการด้านดีไซน์-ช่างฝีมือและกลุ่มผู้ผลิตสินค้าหัตถกรรมโดยตรง ชูแม็กเน็ต “Keep Refining” คาดรายได้ทะลุ 600 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ว่า วันนี้ (16 ตุลาคม 2561) ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบเชียงใหม่ (TCDC) ได้จัดงานแถลงข่าว การจัดงานเทศกาลออกแบบเชียงใหม่ Chiang Mai Design Week 2018 ณ โรงแรมแชงกรีลา เชียงใหม่นายอินทพันธุ์ บัวเขียว ผู้จัดการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบเชียงใหม่ (TCDC) เปิดเผยว่า ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบเชียงใหม่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมากกว่า 50 ราย จัดเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ Chiang Mai Design Week 2018 ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 4 เพื่อนำเสนอศักยภาพด้านการออกแบบ ซึ่งต่อยอดมาจากทักษะฝีมือช่างและทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ยิ่งขัดเกลา ยิ่งแหลมคม” (Keep Refining) ที่จะสื่อให้เห็นถึงสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการนำเสนอสิ่งใหม่ คือความหมั่นเพียรในการขัดเกลาและการพัฒนาเทคนิคทักษะฝีมือเทคโนโลยีการผลิตตลอดจนคุณภาพวัสดุ ที่จะช่วยรักษาและยกระดับงานสร้างสรรค์ให้มีความทันสมัยและยังตอบสนองความต้องการของชีวิตประจำวันและการเดินหน้าสู่อนาคตด้วย

สำหรับเทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ในปีนี้ จะจัดขึ้นเป็นเวลา 9 วันระหว่างวันที่ 8 – 16 ธันวาคม 2561 เวลา 10.00 น.-18.00 น. บริเวณย่านอนุสาวรีย์สามกษัตริย์, TCDC เชียงใหม่, ย่านถนนนิมมานเหมินทร์ และพื้นที่สำคัญอีกกว่า 20 แห่งโดยรอบเมืองเชียงใหม่ โดยมีนักออกแบบช่างฝีมือ นักสร้างสรรค์ชาวไทยและชาวต่างชาติจาก 10 ประเทศจำนวนกว่า 500 คน ทั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญ 3 ด้านคือ การส่งเสริมธุรกิจ ผลักดันงานออกแบบของผู้ประกอบการธุรกิจ ช่างฝีมือ นักศึกษา ทั้งในเชียงใหม่ ในประเทศและต่างประเทศ สู่การเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและการค้า อีกด้านคือ เชื่อมเครือข่าย ส่งเสริมการพบปะ แบ่งปันและแลกเปลี่ยนมุมมองความรู้และประสบการณ์ด้านการออกแบบของนักออกแบบหลากหลายสาขา และด้านสุดท้ายคือ พัฒนาพื้นที่ย่าน สนับสนุนการออกแบบและจัดกิจกรรมในย่านชุมชน ย่านเมืองเก่าและพื้นที่สาธารณะ เพื่อเชื่อมโยงวัฒนธรรมสร้างสรรค์ของเทศกาลให้เข้ากับวิถีชีวิตท้องถิ่น

โดยกิจกรรมภายในงานมีมากกว่า 200 กิจกรรม ได้แก่นิทรรศการ งานเสวนา workshop เยี่ยมชม สังสรรค์ Event ตลาดสินค้าดีไซน์ ที่จะส่งเสริมการพัฒนาธุรกิจและเชื่อมโยงเครือข่ายให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจและนักออกแบบวิชาชีพ ตลอดจนจะสร้างแรงบันดาลใจให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ นักเรียนนักศึกษา และประชาชน ไฮไลท์ของงาน อาทิ Visible Dynamics เป็นการออกโดยใช้พลังงานไฟฟ้าและมอเตอร์แบบไฮบริด แสงที่ส่องสว่างและความเร็วในการหมุนจะถูกประมวลด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) Mutation เป็นแรงบันดาลใจจากเส้นสายของใบไม้และเถาวัลย์ เป็นงานศิลปะแบบบารอค (Baroque) และ Northern Lights กางเกงยีนส์ที่ทำจากผ้าเดนิมทอมือ จากนวัตกรรมแต่งกี่โบราณที่สามารถใช้ทอผ้าเดนิมได้ เป็นต้น

นายอินทพันธุ์ กล่าวว่า การจัดงานในปีนี้ได้มีพัฒนาการที่ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น โดยผู้ประกอบการด้านการออกแบบหลากหลายสาขาสามารถยกระดับสินค้าไปสู่การตลาดได้ชัดเจนมากขึ้น โดยได้นำผู้ซื้อ (Buyer) จากในประเทศ เข้าร่วมเจรจาธุรกิจ (Business Matching) ได้แก่ กลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของประเทศ และผู้ค้าส่งจากประเทฝรั่งเศสและสิงคโปร์ เพื่อพบผู้ประกอบการโดยตรง รวมถึงได้นำผู้จัดงาน Design Week Director โตเกียวและสิงคโปร์ เข้าร่วม เพื่อต่อยอดการเชื่อมโยงเครือข่ายในการจัดงานในครั้งต่อไป ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีผู้เข้าร่วมชมงานกว่า 100,000 คน คาดการณ์การใช้จ่ายของผู้เข้าร่วมงานเฉลี่ย 6,000 บาทต่อคน ซึ่งคาดว่ารายได้ที่จะเกิดขึ้นจากการจัดงานครั้งนี้จะอยู่ที่ราว 600 ล้านบาท

นางสุวารี วงศ์กองแก้ว ผู้อำนวยการหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า ความร่วมมือในการจัดเทศกาลงานออกแบบครั้งนี้ จะช่วยผลักดันพลังความคิดของคนรุ่นใหม่ให้เชื่อมโยงกับทุนทางวัฒนธรรมที่หลากหลายและนำไปพัฒนาสร้างคุณค่าในการทำงานได้ ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาความเป็นเมืองสร้างสรรค์ของจังหวัดเชียงใหม่ให้เข้มแข็ง

นายมรกต ยศธรรมรงค์ นายกสมาคมผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าหัตถกรรมภาคเหนือ กล่าวว่า เทศกาลงานออกแบบเชียงใหม่ เป็นส่วนสำคัญในการขยายโอกาสทางธุรกิจหัตถกรรม งานศิลปะให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจสร้างสรรค์ได้เพิ่มมากขึ้น และส่งเสริมนักออกแบบและผู้ประกอบการธุรกิจรุ่นใหม่ได้นำเสนอความสามารถให้เป็นที่รู้จักสู่สาธารณะ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างผู้ประกอบการใหม่ที่ต่อเนื่องและการพัฒนาภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ในตลาดสินค้าดีไซน์ให้มีความโดดเด่น