
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 สิงหาคม 2560) ชาวไร่ยาสูบจากสมาคมผู้บ่มเพาะผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบจังหวัดเชียงราย-พะเยา และชมรมชาวไร่บ่มเองป่าก่อดำ ชมมชาวไร่บ่มเองเวียงพางคำ และชมรมชาวไร่บ่มเองป่าสักขวาง นำโดยนายอลงกรณ์ ผาทอง นายกสมาคมฯ และประธานชมรมต่าง ๆ ดังกล่าวรวมประมาณ 100 คน พากันเดินทางไปยังสำนักงานยาสูบ จ.เชียงราย ตั้งอยู่ถนนธนาลัย อ.เมือง จ.เชียงราย เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ทาง พล.ท.สุรไกร จัตุมาศ ประธานกรรมการอำนวยการโรงงานยาสูบ ได้ทบทวนหรือชะลอลดการอุดหนุนราคารับซื้อใบยาสูบในฤดูกาล 2560-2561 ลงอีกกิโลกรัมละ 2 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 22 บาท หลังจากในฤดูกาล 2559-2560 เคยลดการอุดหนุนจากกิโลกรัมละ 26 บาท เหลือ 24 บาทมาแล้วครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ทางนายปณต ยศปัญญา ผู้จัดการสำนักงานยาสูบเชียงราย ได้ออกมารับเรื่องเอาไว้ จากนั้นชาวไร่ยังเดินทางไปยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงค์ธรรม จ.เชียงราย ก่อนแยกย้ายกันกลับโดยสงบ
นายอลงกรณ์ ผาทอง นายกสมาคมผู้บ่มเพาะผู้เพาะปลูกและผู้ค้าใบยาสูบจังหวัดเชียงราย-พะเยา กล่าวว่า ปี 2559 ที่ผ่านมา กิจการของโรงงานยาสูบก็ไม่ได้มีผลกระทบใด ๆ โดยมีผลกำไรจากการประกาศให้ทราบกันโดยทั่วไปว่ามีกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนยอดจำหน่ายก็ไม่ได้ลดลง แต่ปรากฏว่าการรับซื้อผลผลิตใบยาสูบจากเกษตรกรกลับถูกปรับลดลงถึง 2 ปีซ้อน ปีละ 2 บาท/กิโลกรัม หรือรวมแล้วลดลงกว่า 4 บาทแล้ว ในฐานะที่เป็นเกษตรกร ซึ่งควรได้รับการดูแลจากภาครัฐ จึงขอให้มีการปรึกษาหารือหรือแจ้งเหตุผล ก่อนที่จะมีมติปรับลดราคาดังกล่าว เพราะหากทำแบบกะทันหันเช่นนี้จะทำให้เกษตรกรปรับตัวไม่ทันและเดือดร้อนหนัก
- เช็กที่นี่ เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนธันวาคม 2566 เงินเข้าวันไหน
- ในหลวง พระราชินี เสด็จฯส่วนพระองค์ ทรงร่วมแข่งเรือใบ จ.ภูเก็ต
- กรุงไทย-ออมสิน ระเบิดโปรฯ เงินฝาก “ดอกเบี้ยพิเศษ” เช็กเงื่อนไขที่นี่
นายบดินทร์ กินาวงศ์ แกนนำชาวไร่ยาสูบอีกคน กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงงานยาสูบเป็นองค์กรเดียวของรัฐที่มีแต่จะปรับลดราคารับซื้อจากเกษตรกร ขณะที่พืชชนิดอื่น ๆ มีแต่องค์กรภาครัฐที่ให้การช่วยเหลือเพื่อพยายามทำให้ราคาสูงขึ้น เช่น คณะกรรมการไร่อ้อยที่เห็นว่าราคารับซื้อกิโลกรัมละ 30-70 บาท ยังต่ำอยู่ ก็ปรับให้เป็น 35-75 บาท/กิโลกรัม เป็นต้น จึงอยากให้มองชาวไร่ยาสูบเป็นเกษตรกรที่ภาครัฐต้องดูแลบ้าง และพวกเราก็พร้อมจะไปพบกับคณะกรรมการโดยตรงหากว่าถูกกดดันหนัก
ต่อมานายปณต ยศปัญญา ผู้จัดการสำนักงานยาสูบเชียงราย ได้เข้าชี้แจงกับชาวไร่ยาสูบ และแจ้งว่าโรงงานยาสูบเป็นองค์กรของรัฐประเภทแสวงหากำไร ดังนั้นการตัดสินใจดำเนินการใด ๆ จึงขึ้นอยู่กับหน้าที่กิจการโดยการพิจารณาของคณะกรรมการ ซึ่งตนในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ไม่มีอำนาจหน้าที่หรือเป็นกรรมการด้วย แต่ก็พอจะแจ้งสถานการณ์ให้ชาวไร่ทราบว่าสถานการณ์ยาสูบของไทยไม่ดีเลย เพราะต้นทุนใบยาสูบของต่างประเทศต่ำมาก เช่น อินเดีย รวมทั้งจะมีการปรับภาษีบุหรี่ขึ้นอีกซองละ 7 บาทด้วย จึงรู้สึกเห็นใจแต่ก็อยากให้อดทน และอยากให้ทำผลผลิตคุณภาพ ขณะที่หน่วยเหนือเองก็กำลังเจรจากับประเทศจีนเพื่อรับจ้างผลิต ซึ่งเกษตรกรก็จะได้ประโยชน์ต่อไปด้วย