ครึ่งปี”61 ลงทุนใต้ตอนบน 1.4 หมื่น ล. สุราษฎร์ฮอต บริการ-สาธารณูปโภคพุ่ง

คอลัมน์ ดาต้าภูธร

สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 6 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร กระบี่ ภูเก็ต ระนอง พังงา และนครศรีธรรมราช ได้เผยแพร่ภาพรวมการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2561 พบว่ามีโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด 26 โครงการ เงินลงทุน 14,427 ล้านบาท มีการจ้างงานคนไทยกว่า 2,223 คน ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560 พบว่าโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นกว่า 8 โครงการ รวมมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 9,042.8 ล้านบาท

โดยปี 2561 เป็นการลงทุนกิจการประเภทบริการและสาธารณูปโภคมากที่สุด 16 โครงการ มูลค่าการลงทุน 13,476 ล้านบาท รองลงมาเป็นประเภทกิจการเกษตรและผลผลิตทางการเกษตร 7 โครงการ มูลค่า 944 ล้านบาท และกิจการซอฟต์แวร์ 2 โครงการ มูลค่า 7 ล้านบาท ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต กระบี่ และนครศรีธรรมราชตามลำดับ โดยการลงทุนส่วนใหญ่ยังเป็นหุ้นไทยกว่า 19 โครงการ หรือคิดเป็น 73% และมีหุ้นต่างชาติ 6 โครงการ ได้แก่ อังกฤษ สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และจีน หรือคิดเป็น 23%

ขณะที่ขนาดการลงทุนนั้น ส่วนมากยังอยู่ในช่วง 20-200 ล้านบาท มีจำนวนกว่า 9 โครงการ เช่น กิจการไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กิจการผลิตน้ำยางข้น กิจการผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์ม กิจการผลิตยางสกิม กิจการขนถ่ายสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับเรือบรรทุก และกิจการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ รองลงมาเป็นขนาดการลงทุน 200-500 ล้านบาท มี 6 โครงการ เช่น กิจการผลิตอาหารสำเร็จรูป เป็นต้น และกิจการที่มีขนาดการลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท มีเพียง 5 โครงการ ได้แก่ กิจการโรงแรมและกิจการสวนน้ำ

นอกจากนี้ บีโอไอยังมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมาตรการส่งเสริมการลงทุนภายใต้โครงการเมืองต้นแบบ “สามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เพื่อให้การสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนและสร้างรายได้ให้กับประชาชนใน 3 พื้นที่ คือ


1.อ.หนองจิก จ.ปัตตานี 2.อ.เบตง จ.ยะลา 3.อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส โดยจัดมาตรการพิเศษทั้งโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้วและโครงการใหม่ที่ขอลงทุนในกิจการที่ส่งเสริมกว่า 300 กิจการ เช่น จะให้สิทธิผู้ประกอบการที่ลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 5 แสนบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) อนุญาตให้นำเครื่องจักรใช้แล้วในประเทศมาใช้ในโครงการได้ มีมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท และจะต้องลงทุนเครื่องจักรใหม่มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของมูลค่าเครื่องจักรใช้แล้ว ฯลฯ