“ตราด” เร่งเปิดสัญจรทางน้ำ ชูเส้นทางใหม่วันเดียวเที่ยว 3 ประเทศ

ตราด

ตามแผนเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้เตรียมแผนมาสเตอร์แพลนพัฒนาเมืองท่าเรือสำราญ 2 ด้าน คือ ฝั่งอ่าวไทย และฝั่งอันดามัน ด้านฝั่งอ่าวไทย จากสิงคโปร์-สงขลา-สมุย-หัวหิน-แหลมฉบัง-แหลมบาลีฮาย พัทยา ได้วางแผนก่อสร้าง “ท่าเทียบเรือครุยส์” ที่แหลมบาลีฮาย พัทยา

ทั้งนี้ หอการค้าไทยได้เตรียมเสนอในการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ให้พัทยาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและด้านธุรกิจ โครงการลงทุนพอร์ตท่าเรือครุยส์ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว จะศึกษาความเป็นไปได้ที่จะก่อสร้างท่าเทียบเรือตามแผน 5 ปี

พัทยาวางเป้าท่าเทียบเรือครุยส์

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา ได้ประชุมภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินงานตามโครงการเพื่อความร่วมมือระเบียงเศรษฐกิจ กัมพูชา เวียดนาม ไทย (CVTEC) เพื่อพัฒนาและผลักดันการค้า การลงทุน การขนส่ง การท่องเที่ยวและไมซ์ รวมทั้งการพัฒนาบุคลากรภาคบริการ ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล 3 ประเทศ ครอบคลุมพื้นที่ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราดของไทย เกาะกง สีหนุวิลล์ แกป กัมปอต ของกัมพูชา เกียนยาง (ฟูก๊วก) กาเมา ของเวียดนาม

โดยมีการหารือเพื่อทำบันทึกข้อตกลง (MOU) รวมกันระหว่างไทย-กัมพูชา-เวียดนาม โดยฟูก๊วกอยู่ระหว่างการพัฒนาท่าเรือนานาชาติเพื่อการท่องเที่ยว และทางกัมพูชาจะดำเนินการสร้างท่าเทียบเรือนักท่องเที่ยวที่สีหนุวิลล์ เพื่อเตรียมรองรับการ

ท่องเที่ยวทั้งทางบก ทางน้ำในอนาคต

นางดวงใจ จันทร รองประธานสภาธุรกิจไทย-กัมพูชา กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แผนพัฒนาท่าเทียบเรือครุยส์ที่แหลมบาลีฮาย พัทยา ต้องใช้เวลา 4-5 ปี ซึ่งสภาธุรกิจไทย-กัมพูชาร่วมกับพันธมิตร โดยการสนับสนุนของสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ได้มีการสำรวจเส้นทางระยะแรกที่สามารถเปิดได้ก่อน

เริ่มจากฟูก๊วก กัมปอต สีหนุวิลล์ เกาะเจ้า (เกาะกง) และตราด มุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระจายรายได้ ต่อไปจะขยายไปสู่การค้า การลงทุน การขนส่ง และการพัฒนาบุคลากร ทั้งนี้ กัมพูชาจะลงนาม MOU ในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ที่พัทยา ส่วนเวียดนามยังไม่ตอบรับ ถ้าไม่พร้อมจะลงนามไทย-กัมพูชาไปก่อน

รูตใหม่วันเดียวเที่ยว 3 ประเทศ

นางวิยะดา ซวง นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตราด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค.-2 พ.ย. สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตราดได้ร่วมกับสมาคมโรงแรมและรีสอร์ตจังหวัดตราด สำรวจเส้นทางเดินเรือเส้นทางใหม่สามารถเดินทางจากท่าเทียบเรือคลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ (ตราด)-เกาะกง (สีหนุวิลล์)-เกาะฟูก๊วก (เกียนยาง) ได้อย่างรวดเร็วต่อการเดินทาง 3 ประเทศ ใช้ระยะเวลาเพียง 1 วัน สามารถเชื่อมโยงตลาดนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มีกำลังซื้อเข้ามาท่องเที่ยวกัมพูชา เวียดนาม จำนวนมากได้

ทั้งนี้ ปัจจุบันการท่องเที่ยวทางเรือมีเพียง 2% คาดการณ์ว่าการเปิดเส้นทางทางน้ำเป็นทางเลือกใหม่จะช่วยเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวต่างประเทศสูงขึ้นอย่างแน่นอน จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไปเวียดนามและกัมพูชามากขึ้น โดยเฉลี่ย 1 เดือนจะเที่ยวกัมพูชา เวียดนาม 2 สัปดาห์ ที่เหลือมาไทย 15 วัน

“การเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการภาคเอกชน 3 ประเทศไม่มีปัญหา ปัญหาเร่งด่วนตอนนี้ คือ 1) การสนับสนุนของหน่วยงานภาครัฐทั้ง 3 ประเทศที่จะทำข้อตกลงร่วมกันให้เร็วที่สุด เพื่อนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าถึงกันทางเรือได้อย่างสะดวก ประหยัดเวลา

2) การสนับสนุนระบบการขนส่งที่เชื่อมโยงได้สะดวกรวดเร็ว ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ โดยเฉพาะการขยายสนามบินให้รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นและจากท่าเทียบเรือคลองใหญ่ เกาะช้าง เกาะกูด เกาะหมาก

3) สาธารณูปโภคพื้นฐานที่จำเป็นโดยเฉพาะท่าเทียบเรือ ถนนรอบเกาะช้าง และ 4) การบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยวชุมชน มาตรฐานสินค้า และบริการนักท่องเที่ยวและการให้บริการ”

ระบบขนส่งอินฟราฯปัญหาใหญ่

นายสุขุม ธีรมาลา กล่าวว่า จังหวัดตราดมีปัญหาเรื่องระบบการขนส่งนักท่องเที่ยว และสาธารณูปโภค โดยเฉพาะเกาะช้างพบว่า การเดินทางต้องเสียเวลามาก โดยเฉพาะการข้ามเรือเฟอรี่ที่ท่าเทียบเรือแออัด รอนาน 1-2 ชั่วโมง ปัญหาการสร้างถนนรอบเกาะช้างที่ติดข้อกฎหมาย ท่าเทียบเรือไม่ได้มาตรฐาน ควรขยายสนามบินจังหวัดตราดให้เป็นสนามบินนานาชาติ ทั้งหมดต้องพัฒนาเพื่อรองรับการเปิดเชื่อมโยงนักท่องเที่ยว 3 ประเทศ