“ปาล์ม” ราคาดิ่งชาวสวนหันปลูก “มะพร้าว”แทน

ชาวสวนพัทลุงชะลอปลูกปาล์มน้ำมัน หันปลูกมะพร้าวแทน หลังราคาปาล์มร่วงหนัก คาดอาจดิ่งสุดถึง 1.8 บาท/กก.

นายสุริยา รัตนะ เจ้าของสวนปาล์มน้ำมันและผู้รับจ้างแทงปาล์มน้ำมัน จังหวัดพัทลุง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ปาล์มน้ำมันขณะนี้ราคายังตกลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ประมาณ 2.20-2.25 บาท/กก. และแนวโน้มราคาวิ่งลงไปต่ำสุดที่ 1.80 บาท/กก. โดยมีปัจจัยจากโรงงานอุตสาหกรรมหีบปาล์มน้ำมันจะมีการหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ ขณะที่ผลผลิตออกมาปริมาณมาก ส่งผลให้ชาวสวนรีบเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อนำออกมาขายพร้อมกัน

ทั้งนี้ ราคาปาล์มน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้เกษตรกรบางส่วนที่ได้เคยโค่นยางพาราทิ้งไปปลูกปาล์มน้ำมันปัจจุบันได้หันไปปลูกพืชอื่นทดแทน เช่น กล้วย และมะพร้าว ส่วนโรงงานหีบปาล์มน้ำมันไม่ประสบปัญหาเท่าใด เนื่องจากมีรายได้จากส่วนต่าง ๆ ของปาล์มน้ำมันที่ยังขายได้ราคาดี

สำหรับต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมันนั้น หากเป็นผู้ประกอบการรายย่อยอยู่ที่ราว 3 บาท/กก. โดยต้นทุนหลักมาจากค่าปุ๋ย ค่าแทงปาล์มน้ำมัน และค่าดูแลรักษาสวน ในขณะที่ผู้ประกอบการรายใหญ่มีต้นทุนอยู่ที่ 3.80-4 บาท/กก. เนื่องจากต้องจ้างทั้งระบบ ส่วนรายย่อยจ้างเฉพาะแทงปาล์มน้ำมันในราคา 1 บาท/กก. หรือประมาณ 1,000 บาท/ตัน

แหล่งข่าวในวงการปาล์มน้ำมันเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ผลจากการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่ผ่านมายังคงใช้วิธีการแก้ปัญหาอยู่ในแนวทางเดิม จึงเห็นควรว่าปาล์มน้ำมันควรมีแนวทางใหม่ คือ กนป.จะต้องมีคณะอนุกรรมการพืชปาล์มน้ำมันขึ้นมา คล้ายกับอนุกรรมการพืชกาแฟ ซึ่งมีสมาชิกคณะกรรมการเป็นเกษตรกรไร่กาแฟในพื้นที่ภาคใต้และภาคเหนือ ทำให้สามารถสะท้อนความต้องการและปัญหาของเกษตรกรได้อย่างแท้จริง


ทางด้าน นายนัด ดวงใส อนุกรรมการพืชกาแฟ เปิดเผยว่า อนุกรรมการพืชกาแฟจะมีการจัดทำแผน เช่น ปริมาณกาแฟ ผู้ปลูกกาแฟ พื้นที่ปลูกกาแฟ ตลาดกาแฟ ความต้องการกาแฟ การนำเข้ากาแฟ และสต๊อกกาแฟ ฯลฯ ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการสามารถตรวจสอบได้ จึงรู้ตัวเลขที่แท้จริง ฉะนั้น จึงอยากให้พืชแต่ละตัวจัดตั้งอนุกรรมการพืชแต่ละตัว เช่น ปาล์มน้ำมัน มะพร้าว ฯลฯ เพื่อให้เกษตรกรตัวจริงได้มาเป็นกรรมการ และเสนอปัญหาต่าง ๆ ไปยังรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง