นายชูศักดิ์ นันทสุวรรณ ผู้จัดการอาวุโส สำนักงานเขตภาคเหนือตอนล่าง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานค้ำประกันสินเชื่อในรอบ 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย. 2561) ในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง มีการขยายตัวสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ โดยมียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของ บสย.สำนักเขตภาคเหนือตอนล่าง 10 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ ตาก อุตรดิตถ์ และสุโขทัย วงเงินรวม 5,677 ล้านบาท ช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อ 5,971 ราย
โดย 3 จังหวัดที่มีการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อและจำนวนรายสูงสุด คือ พิษณุโลก นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ โดยมียอดค้ำฯ ผ่านกลุ่มธนาคารรัฐรวมกว่า 2,510 ล้านบาท และค้ำประกันสินเชื่อผ่านกลุ่มธนาคารพาณิชย์ รวม 3,166 ล้านบาท
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเล็ต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
สำหรับแผนดำเนินงานกิจกรรมต่างๆ เป็นไปตามเป้าหมาย โดยมุ่งเน้นกิจกรรมที่สร้างประโยชน์ สนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และสถาบันการเงินพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วย มหกรรมเข้าถึงแหล่งเงินทุน จ.พิษณุโลก, การให้ความรู้ทางการเงิน ในโครงการ Financial Literacy, การจัดอบรมเสริมความรู้ SMEs ในหลักสูตรออนไลน์สร้างเงินล้านกับ บสย. แก่ผู้ประกอบการ จ.นครสวรรค์
ตลอดจนโครงการสร้างความสัมพันธ์กับผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นลูกค้า บสย. เพื่อเข้าถึงและเข้าใจโครงการค้ำประกันสินเชื่อใหม่ และการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ SMEs ที่ขอรับคำปรึกษา ณ บสย. สำนักงานเขตต่างๆ นอกจากนี้ บสย.ยังมีคลินิกค้ำประกันสินเชื่อออนไลน์ บริการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการ SMEs เพื่อสร้างเครือข่าย ร่วมกับสถาบันการเงิน เพื่อการค้ำประกันสินเชื่อและสร้างการรับรู้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. เป็นต้น
นายชูศักดิ์กล่าวอีกว่า บสย.จะเร่งผลักดันการค้ำประกันสินเชื่อต่อเนื่อง รองรับมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ได้แก่ โครงการค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการ SMEs ประชารัฐและนโยบายรัฐ ซึ่ง บสย.และธนาคารกรุงไทย ได้ร่วมมือกันปล่อยสินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ สนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ได้เงินทุนหมุนเวียนขยายการลงทุน เพิ่มสต๊อกสินค้า รองรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, ค้ำประกันสินเชื่อผู้ประกอบการ SMEs นิติบุคคลบัญชีเดียว, ค้ำประกันสินเชื่อรถมินิบัส และโครงการค้ำประกันผู้ค้ารายย่อย คาดว่าจะสามารถปิดยอดค้ำประกันสินเชื่อสิ้นปีรวม 6,100 ล้านบาท