“กาญจนบุรี” รับอานิสงส์ SEZ ฝั่งเมียนมา

จุดเชื่อมต่อ - มอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี และส่วนต่อขยายท่าม่วง-พุน้ำร้อน ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเปิดพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อเชื่อมโยง SEZ ไทย-เมียนมา กับภูมิภาคอาเซียน คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งเส้นปี 2565

เมียนมาเตรียมบูมลงทุนใหญ่ 2562 กาญจนบุรีส้มหล่น โยงฐานการผลิต-ค้าชายแดนโต เอกชนเมืองกาญจน์เผยเจรจารถข้ามชายแดน 15 กม.ฉลุย ด้านเขตเศรษฐกิจพิเศษพุน้ำร้อนพร้อมดำเนินการ คาดเริ่มขายพื้นที่ปลายปี 2562 ทุนจีน-ไทยแห่สนใจ เหตุทำเลดีเชื่อมทวาย-จ้าวผิ่ว

นายปัญญา วุฒิประจักษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจในจังหวัดกาญจนบุรี ปี 2562 มีทิศทางที่ดี เนื่องจากปัจจัยหลักจากการลงทุนทำโครงการขนาดใหญ่ในประเทศเมียนมา ทำให้กาญจนบุรีในฐานะประตูสู่ประเทศไทยได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประมูลหาผู้รับผิดชอบเพื่อก่อสร้างถนนเส้นพุน้ำร้อน-ทวาย ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2562 สืบเนื่องมาจากรัฐบาลเมียนมาได้จัดทำ TOR และคาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงเดือนมิถุนายน 2562 แม้ว่าจะมีการปรับลดถนนจาก 6 เลน เหลือ 2 เลน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้นการพัฒนาการคมนาคมให้มีความสะดวกยิ่งขึ้น และลดต้นทุนในด้านโลจิสติกส์ โดยคาดว่าถนนเส้นดังกล่าวจะทำให้มูลค่าการค้าชายแดนผ่านเส้นพุน้ำร้อน-ทวายเพิ่มขึ้นจากราว 100 ล้านบาท/เดือน เป็น 500-600 ล้านบาท/เดือน หรือกว่า 5 เท่าตัว

“นอกจากนี้ เมียนมายังได้ติดต่อขอซื้อไฟฟ้า 10 เมกะวัตต์ จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ผ่านการประสานงานโดยหอการค้าจังหวัดกาญจนบุรี เป็นการจ่ายไฟในระยะแรก 2-3 เมกะวัตต์ เพื่อการก่อสร้างรีสอร์ต 9 แห่ง รวมถึงตลาดชายแดนในฝั่งเมียนมา โดยเป็นการลงทุนของสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ร่วมกับ MAE THA MEE KHEE REGION INDUSTRIAL COMPANY LIMITED ของเมียนมา” นายปัญญากล่าว

ชงเปิดชายแดน 15 กม.

นายปัญญากล่าวว่า ในส่วนการค้าชายแดนและการท่องเที่ยว ได้มีการเจรจากับทางการเมียนมาในการอนุญาตให้รถทะเบียนไทยเข้าไปในฝั่งเมียนมาได้ราว 12-15 กม. แลกกับการให้รถบรรทุกจากฝั่งเมียนมาเข้ามาในชายแดนไทยได้ในระยะทางเท่ากัน จากเดิมที่ไม่สามารถนำรถผ่านแดนได้เลย คาดว่าจะส่งผลดีต่อการค้าชายแดน เนื่องจากทางเมียนมาต้องการสินค้าไทย และทางฝั่งไทยเองก็ต้องการสินค้าเมียนมาเช่นเดียวกัน การเจรจาดังกล่าวจึงเป็นการเปิดช่องให้การค้าชายแดนเป็นไปได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ประกอบกับการขยายเวลาการปิดด่านชายแดนในฝั่งไทยจาก 06.00-18.00 น. เป็น 06.00-20.00 น. ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกแก่การที่ชาวเมียนมาข้ามมาท่องเที่ยวและซื้อของในฝั่งไทย

ไทย-จีน-ญี่ปุ่นรุม SEZ

นายปัญญายังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดทำเขตเศรษฐกิจพิเศษพุน้ำร้อนก็มีส่วนสำคัญในการเติบโตทางเศรษฐกิจของกาญจนบุรี ในปีถัดไป โดยบริษัท พร้อมเพรียงชัยก่อสร้าง จำกัด ผู้ได้สิทธิ์ในการพัฒนาพื้นที่ระบุว่า อีก 4-5 เดือนข้างหน้าจะได้รับมอบพื้นที่จากภาครัฐ เนื่องจากติดปัญหาการเวนคืน คาดว่าปลายปี 2562 จะสามารถเปิดขายพื้นที่ได้ และมีนักลงทุนไทยและจีนสนใจเข้ามาเจรจาแล้ว 5-6 ราย โดยมีเป้าหมายในการทำธุรกิจต่อยอดไปยังทวาย และทะเลอันดามัน เช่น กลุ่มบริษัทราชบุรีโฮลดิ้งที่แสดงความสนใจในการนำเข้าวัตถุดิบจากฝั่งเมียนมาเข้ามาแปรรูปวูดพาลเลตส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น กลุ่มนักลงทุนที่สนใจจัดทำการแปรรูปไม้ยางพาราเป็นเฟอร์นิเจอร์ กลุ่มแพ็กเกจจิ้ง กลุ่มฉีดพลาสติกขึ้นรูป กลุ่มผลิตรถกอล์ฟ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่จำเป็น รวมไปถึงการลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์โซลาร์เซลล์อีกด้วย

ด้านแหล่งข่าวในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันโครงการท่าเรือน้ำลึกที่ทวายมีนักลงทุนญี่ปุ่นมีความสนใจที่จะเข้ามาจัดทำ เนื่องจากเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา Chang Zhenming ประธานบริษัท Citic Group Limited รัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ที่ดูแลโดยรัฐบาลจีน เข้าไปเซ็นสัญญากับกระทรวงพาณิชย์ของเมียนมา และเตรียมเดินหน้าโครงการจัดทำนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือน้ำลึกที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษจ้าวผิ่ว หลังจากโครงการหยุดชะงักเพราะการท้วงติงของภาคประชาสังคมถึงปัญหาการทำลายสิ่งแวดล้อมและการถือครองส่วนแบ่งผลประโยชน์เดิมระหว่างจีนกับเมียนมา ที่ 85 : 15 เมื่อปี 2558

จากการเจรจากว่า 2 ปี ส่งผลให้เกิดการปรับอัตราส่วนการถือครองผลประโยชน์เป็น 70 : 30 พร้อมทั้งมีการยืนยันที่จะสร้างผลกระทบให้น้อยที่สุด รวมถึงสร้างอาชีพที่ยั่งยืนด้วยการว่าจ้างประชาชนชาวเมียนมากว่า 100,000 คน ทำให้กลุ่มทุนญี่ปุ่นต้องเร่งเดินหน้าเข้าไปเจรจาขอทำท่าเรือน้ำลึกที่ทวาย เพื่อป้องกันการผูกขาดพื้นที่ของรัฐบาลจีน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยรัฐบาลของเมียนมายังแต่งตั้งชาวญี่ปุ่นขึ้นมาเป็นที่ปรึกษามุขมนตรีของทวาย เพื่อช่วยดูแลเรื่องการเจรจากับญี่ปุ่นทุกเรื่องอีกด้วย

ทั้งนี้ ทำให้เป็นโอกาสอันดีของจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะเมืองรอยต่อที่จะเชื่อมโยงกับพื้นที่ดังกล่าว ประกอบกับมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรีที่น่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2563 อีกทั้งส่วนต่อขยายจากมอเตอร์เวย์เข้าพุน้ำร้อนก็มีความคืบหน้า ล่าสุดได้ทำประชาพิจารณ์ไปแล้ว 1 ครั้ง เหลืออีก 3 ครั้ง โดยภายในปี 2565 เมื่อทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ กาญจนบุรีจะเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญจากมหาสมุทรอินเดียจนถึงแหลมฉบัง ทั้งยังได้รับประโยชน์จากการเข้ามาของแรงงานเมียนมา เนื่องจากฝั่งไทยค่าแรงสูงกว่า โดยอยู่ที่ 315 บาท/วัน ต่างจากฝั่งเมียนมาอยู่ที่ 140 บาท/วัน

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!