ชายแดนเชียงรายเร่งฉีดพ่นน้ำลดฝุ่น หวั่นค่าพีเอ็มกระทบสุขภาพครั้งแรกในรอบปี

วันนี้ (11 มี.ค.2562) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงรายว่า เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) นำรถบรรทุกน้ำพร้อมเครื่องฉีดพ่นละอองน้ำลูฟ 60 ร่วมกับเทศบาล ต.แม่สาย เทศบาล ต.แม่สายมิตรภาพ ออกปฏิบัติการฉีดพ่นน้ำพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จำนวน 5 จุด คือบริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา บริเวณด้านหน้า สภ.แม่สาย บริเวณมูลนิธิกวงเม้ง บริเวณธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาแม่สาย และบริเวณหน้าที่ว่าการ อ.แม่สาย เพื่อสร้างความชุ่นชื้นในอากาศและลดปริมาณฝุ่นละอองและหมอกควัน หลังจากกรมควบคุมมลพิษได้ตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณชายแดน แล้วพบว่ามีฝุ่นละอองในอากาศขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือพีเอ็ม 2.5 สูงถึง 125 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และค่าพีเอ็ม 10 วัดได้ 160 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพเป็นครั้งแรกในรอบปี

นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย กล่าวว่า ปัจจุบัน จ.เชียงราย ประกาศใช้มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันไฟป่าและการเผาในที่โล่ง จ.เชียงราย ปี 2561-25562 ระหว่างวันที่ 15 ก.พ.-15 เม.ย.โดยห้ามไม่ให้มีการเผาใดๆ ทั้งสิ้นอย่างเข้มงวด จึงไม่เกิดจุดความร้อนจากการเผาหรือฮอตสปอตมากนัก อย่างไรก็ตามปัญหาเกิดจากกลุ่มควันจากพื้นที่ข้างเคียง ดังนั้นจังหวัดก็คงต้องเข้มงวดในมาตรการควบคู่ไปกับการสร้างความชุ่มชื้นในอากาศต่อไป

ด้านนายสมศักดิ์ คณาคำ นายอำเภอแม่สาย กล่าวว่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศได้เพิ่มสูงขึ้นมากที่สุดในรอบปี คาดว่าเกิดจากอากาศเย็นในช่วงเช้าและมีการเผาพื้นที่ทำไร่กันมากในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นระยะสั้นคือการฉีดพ่นน้ำและหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ก็จะจัดหาหน้ากากอนามัยมาแจกจ่ายให้กับประชาชน จากนั้นจะประสานไปยังคณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่นหรือทีบีซีเพื่อขอความร่วมมือประเทศเพื่อนบ้านให้หยุดการเผาในช่วงนี้ต่อไป

สำหรับภายในพื้นที่ อ.แม่สาย เองได้หยุดเผาอย่างเข้มงวดแม้แต่กลุ่มพรานป่าหรือหาของป่าก็เข้ามาเเป็นอาสาสมัครดูแลพื้นที่ป่าโดยมีค่าเสียเวลาวันละ 300 บาทด้วย