ธุรกิจหัวเมืองชงกระตุ้นศก. อัดงบลงท้องถิ่น-ดันราคาสินค้าเกษตร

แฟ้มภาพ

นักธุรกิจท้องถิ่นชงรัฐบาลใหม่ แก้ปัญหาเศรษฐกิจซบ ลดขัดแย้งนโยบายต้องนิ่ง สร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนไทย-เทศ กระจายอำนาจ อัดงบฯสู่ท้องถิ่น วางโครงสร้างพื้นฐานด้านเกษตรจริงจัง เลิกประชานิยม เชื่อมค้าชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ภาคใต้ดันราคายาง-ปาล์มขึ้น 30%

สัปดาห์สุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 อุณหภูมิทางการเมืองยิ่งร้อนแรง เพราะนอกจากแต่ละพรรคจะระดมพลลงพื้นที่หาเสียงเป็นการสั่งลาแล้ว พรรคการเมืองใหญ่ยังใช้โอกาสนี้เปิดตัวนโยบายเด็ดทิ้งทวน

ขณะที่ภาคธุรกิจ นักลงทุนทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด ต่างเกาะติดข่าวคราวความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างใกล้ชิด พร้อมสะท้อนปัญหาถึงรัฐบาลที่จะเข้าบริหารประเทศหลังการเลือกตั้ง

“ตั้งงี่สุน” จี้แก้ ศก.-ลดขัดแย้ง

นายมิลินทร์ วีระรัตนโรจน์ ผู้บริหารตั้งงี่สุน ห้างยักษ์ค้าปลีก-ค้าส่ง จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องแก้ไขอันดับแรก คือ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมดีขึ้นให้เร็ว เพราะปากท้องเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งคนต่างจังหวัดต้องหาเช้ากินค่ำ

“สภาพปัญหาของประเทศไทยตอนนี้บรรยากาศไม่ดีเลย รัฐบาลต้องหาโอกาสให้ธุรกิจเกิดได้ในทุก ๆ มุม เพราะผู้ประกอบการจะดำเนินธุรกิจได้ก็ต้องมีศักยภาพ รัฐต้องปรับตัวเองในการออกกฎหมายสร้างอาชีพให้ประชาชน ไม่ใช่ผลักดันการก่อสร้างให้นายทุนเข้าซื้อแต่ที่ดินเก็งกำไร ส่วนชาวบ้านได้แต่นั่งฝัน”

“เรื่องการส่งออกต้องกระตุ้นความเชื่อมั่นจากต่างชาติ การท่องเที่ยวควรกระจายตัว ไม่ใช่กระจุกอยู่ที่หัวเมือง”

“แม้แต่การหาเสียงทุกคนด่าคนอื่นตลอด ขุดเรื่องโจมตี แต่ไม่บอกว่าจะพัฒนาอะไร ถ้าการหาเสียงไม่สร้างสรรค์ก็ไม่รู้จะไปต่ออย่างไร”

“สิ่งที่อยากเห็น คือ พรรคการเมืองต่าง ๆ ต้องเลิกสาดโคลน ลดความขัดแย้ง ต้องจับมือกันให้เป็นคอมมิวนิตี้ ทุกโครงการต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ ต้องอยู่ในทิศทางเดียวกัน”

โดยเฉพาะโครงการโอท็อป การพัฒนาธุรกิจเอสเอ็มอี การพัฒนาเมืองรอง ที่ผ่านมายังไม่เป็นเอกภาพ ยังไม่มีความต่อเนื่อง จึงไม่มีกำลังเพียงพอในการผลักดัน เพื่อให้ไปต่อได้อย่างยั่งยืน

“การแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ อย่าขายฝันมากนัก เลิกแจกเงินเถอะ ผู้ประกอบการก็ต้องพัฒนาตัวเอง สร้างศักยภาพ เพิ่มประสิทธิภาพ แทนที่จะได้ประโยชน์สิบราย วันนี้กลับเหลือแค่รายเดียว ปัญหาใหญ่ คือ จะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจของไทยดีขึ้น”

“ขอนแก่น” ขอกระจายอำนาจ

นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดขอนแก่น เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สิ่งที่อยากได้จากรัฐบาลชุดใหม่ คือ มีการถ่ายโอนอำนาจทั้งการบริหารจัดการและงบประมาณกระจายลงมาในระดับท้องถิ่น ส่วนกลางต้องลดอำนาจและงบประมาณลง เพราะจะทำให้สามารถแก้ปัญหาขั้นตอนต่าง ๆ ได้ตรงจุด ง่ายขึ้น รวดเร็ว และใกล้ชิดประชาชน โดยขณะนี้ทุกพรรคการเมืองมีการหาเสียงในลักษณะนี้เหมือนกัน แต่ไม่รู้เป็นการเอาใจในช่วงเลือกตั้งหรือไม่ และจะทำได้จริงหรือไม่

“ส่วนปัญหาด้านเศรษฐกิจ อยากให้วางรากฐานในการพัฒนาที่มั่นคง ไม่อยากให้เป็นเรื่องประชานิยมหรือเอาใจประเดี๋ยวประด๋าว เพราะจะไม่มีการปรับตัว ในด้านเกษตร ควรสอนให้ปรับระบบกระบวนการปลูก การผลิต หาทรัพยากร เพิ่มแหล่งน้ำ การขนส่ง เทคโนโลยี และสนับสนุนการรวบรวมหรือแปรรูปเบื้องต้น ต้องเพิ่มประสิทธิภาพ ค่อย ๆ แก้จะค่อย ๆ ดีขึ้น และถ้าให้เงินก็ให้ได้แค่ครั้งเดียว”

ภูเก็ตขอนโยบายนิ่ง

นายบุญ ยงสกุล ประธานกรรมการ บริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด และบริษัท โบ๊ท แอสเซท แมนเนจเมนท์ จำกัด ในเครือภูเก็ต โบ๊ท ลากูน ผู้ประกอบการธุรกิจมารีน่า โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ จังหวัดภูเก็ต ในฐานะนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า อยากขอให้รัฐบาลใหม่ดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจให้มีความต่อเนื่อง ไม่อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงมาก เพราะหากนโยบายมีการเปลี่ยนแปลงมาก จะทำให้เกิดความสับสนและชะลอการลงทุนได้

ทั้งนี้ ประเทศไทยในส่วนของภาคเอกชนมีความเข้มแข็ง หากนโยบายไม่เปลี่ยนเอกชนต้องหาทางดิ้นรนหรือพัฒนาต่อไป และต่างชาติมีความมั่นใจที่จะมาลงทุน ทั้งนี้ หลังการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเดียวหรือรัฐบาลผสม หลายพรรคผมไม่เกี่ยง แต่ขอให้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้ได้โดยเร็วในส่วนจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหัวใจหลัก อยากให้รัฐบาลใหม่ออกมาตรการหลัก ๆ อาทิ 1.ความปลอดภัยทางบกและทางทะเล 2.อำนวยความสะดวกเท่าที่ทำได้ในกรอบกฎหมายและความปลอดภัย โดยเฉพาะการออกวีซ่า ระยะสั้นและระยะยาว 3.ความชัดเจนเกี่ยวกับกฎระเบียบในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติให้มากขึ้น

ใต้ดันราคายาง-ปาล์ม 30%

นายวิถี สุพิทักษ์ รองประธานสถาบันอุตสาหกรรมเพื่อการเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า รัฐบาลต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในการส่งเสริมการปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน และไม้ยางพารา ถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญทางภาคใต้ หากมีนโยบายขับเคลื่อนทำให้ราคาขยับขึ้นมาได้ 30% จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมให้ฟื้นขึ้นมาได้ทันทีภายใน 3 เดือน โดยเฉพาะปาล์มน้ำมันรัฐบาลต้องปิดกั้นการนำเข้า และสนับสนุนการแปรรูปเป็นพลังงานเชื้อเพลิง ส่วนยางพาราจะต้องกำหนดปริมาณระหว่างการให้หน่วยราชการนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใช้ภายในประเทศ และส่งออกให้ชัดเจน และไม้ยางพารา ต้องเร่งดำเนินการวิจัย เพื่อทดแทนไม้ตัวอื่น ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ต้องปรับการทำเกษตรแนวใหม่ ต้องดูแลให้เกษตรกรให้แข็งแรงทั้งการผลิตและการตลาด รวมถึงผลักดันอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร

เชียงใหม่จี้ค่าเงินบาท

นายองอาจ กิตติคุณชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซันสวีท ผู้ผลิตและส่งออกข้าวโพดหวานรายใหญ่ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มี 3 ปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องแก้ไข คือ 1.โครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตรและเทคโนโลยี 2.ดูแลและบริหารจัดการค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ไม่ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด 3.ฟื้นภาคอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ให้พัฒนาต่อเนื่องและยั่งยืน

ขณะที่ปัญหาระดับท้องถิ่นของเชียงใหม่มี 3 เรื่องเร่งด่วน คือ 1.ปัญหาหมอกควัน ถือเป็นภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชนอย่างรุนแรง ต้องแก้ที่ต้นเหตุ คือ “การเผาป่า” โดยบังคับใช้กฎหมายเข้มงวด 2.แก้วิกฤตจราจรในเขตเมืองและการขนส่งสาธารณะให้เกิดประสิทธิภาพ 3.แก้ปัญหาพืชผลการเกษตร ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำที่ต้องใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ส่งเสริมการทำเกษตรปลอดภัย เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และส่งเสริมการทำการตลาดยุคใหม่ให้เกษตรกรพบผู้ซื้อโดยตรง

นางวิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่จะมีเสถียรภาพ เพราะจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน

ขณะเดียวกันขอให้รัฐบาลใหม่เร่งรัดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และ smart city ที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการมากขึ้น พร้อมทั้งเป็นเมืองที่มีความปลอดภัยสูง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว และเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ พร้อมจัดพื้นที่เขตเศรษฐกิจอุตสาหกรรมการบิน โครงการเปิดด่านการค้าชายแดนกับสหภาพเมียนมา การท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้าน และการแก้ปัญหาด้านมลพิษทางอากาศแบบเฉียบขาด

เชียงรายขอเชื่อมค้าชายแดน

น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย เปิดเผยว่า ในฐานะเมืองหน้าด่านของการค้าชายแดนทางภาคเหนือที่เชื่อมกับเมียนมา สปป.ลาว และมณฑลยูนนาน ประเทศจีน อยากให้รัฐบาลใหม่สนใจในการแสวงหาความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเหล่านี้ให้มากขึ้น

“เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว การเกษตร ส่งเสริมให้ปลูกพืชที่ไม่ซ้ำซ้อนกันหรือแปรรูปแล้วขายได้ราคา ซึ่งจะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์”

นอกจากนี้ เชียงรายเป็นเมืองท่าการค้าทางเรือแม่น้ำโขง จึงควรประสานความร่วมมือ ให้เกิดความสะดวกทางการค้าและการคมนาคมระหว่างกันให้มากขึ้น

หนุนใช้น้ำมันปาล์มผลิต B10

นางวิวรรณ บุณยประทีปรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทักษิณอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม 1993 จำกัด กล่าวว่า นโยบายการหาเสียงของแต่ละพรรคมุ่งเน้นสนับสนุนการผลิตไบโอดีเซลเกรดพิเศษไปถึงเป็น B100 ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ภาครัฐได้ส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 แต่ก็ยังทำได้เพียงเฉพาะรถบรรทุก หากส่งเสริมให้เพิ่มการผลิตจาก B7 เป็น B10 จะมีความเป็นไปได้สูงกว่าจะขยับไปเป็น B100 และจะช่วยเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มดิบจาก 80,000-90,000 ตัน เป็น 1.2-1.5 แสนลิตร ก็ยังดีกว่าการสนับสนุนเป็นไบโอดีเซลเกรดอื่น ๆ

นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องการใช้งบประมาณสนับสนุนว่าจะมีแหล่งที่มาจากแหล่งใด มีวิธีการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างไรในระยะยาวด้วย