จัดตั้ง “รัฐบาลใหม่” ยังอึมครึม “ทุนภูธร” ชะงักลงทุน ชี้สุญญากาศยิ่งนาน ศก.ยิ่งแย่

สถานการณ์การเมืองของไทยในขณะนี้ ยังคงรอการประกาศผลการนับคะแนนการเลือกตั้ง ส.ส.อย่างเป็นทางการ จากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นเสมือนสุญญากาศทางการเมือง หลายฝ่าย ทั้งภาคเอกชนหรือประชาชนต่างรอความชัดเจนของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ และรอดูท่าทีในการลงทุน

“ว่าที่ ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์” ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง หอการค้าไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพรวมเศรษฐกิจในกลุ่มจังหวัดภาคกลางหลังจากมีการเลือกตั้งว่า ยังคงทรง ๆ ไม่ดีขึ้นนัก ต้องรอรัฐบาลใหม่เท่านั้น โดยขณะนี้เป็นเหมือนสุญญากาศ ยิ่งนานยิ่งแย่ ซึ่งพิจารณาได้ 2 ประเด็น คือ 1.ขณะนี้ตามรัฐธรรมนูญยังคงให้ คสช.อยู่ในตำแหน่งต่อไป จนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่ แต่อย่าลืมว่า ม.44 ยังอยู่ ทำให้นักลงทุนยังมีความกังวล โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากสามารถแก้หรือยกเลิกกฎหมายต่าง ๆ ได้ หากนักลงทุนได้รับการส่งเสริม และเกิดความไม่พอใจอะไรเกิดขึ้น แล้วมีการใช้ ม.44 จะยุ่ง

2.ขณะนี้ต่างคนต่างตั้งรัฐบาล แม้รัฐบาลที่จะขึ้นมานั้นมาจากประชาธิปไตย แต่ยังคงปริ่มน้ำ ทำให้นักลงทุนมองถึงความไม่มีเสถียรภาพ และหากตั้งรัฐบาลไม่ได้ รัฐบาลชุดเดิมยังคงต้องรักษาการต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งยังมี ม.44 อยู่ การลงทุนอาจชะงัก เพราะถ้าลงทุนไปพันล้านบาท หรือหมื่นล้านบาท ยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากถามถึงทางออกยังตอบไม่ได้ เพราะยังมองไม่เห็น และจริง ๆ ไทยมีจุดแข็งค่อนข้างมาก แต่ยังคงต้องรอดูเสถียรภาพ

ด้าน “วิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ” ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ หอการค้าไทย กล่าวว่า ภาพรวมหลังการเลือกตั้งยังคงปกติ ส่วนที่มีความกังวลช่วงสุญญากาศนั้น มองว่าเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ด้านการลงทุนที่มีการตัดสินใจแล้วคงต้องเดินหน้าต่อไป

ขณะที่ “ประพันธ์ เตชะสกลกิจกูร” ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือหอการค้าไทย กล่าวในมุมมองเดียวกันว่า ขณะนี้ทุกคนยังจดจ่อเรื่องการเมือง และรอดูว่าโอกาสข้างหน้าคืออะไร ซึ่งอาจจะมองภาพรวมมากกว่าสุญญากาศทางการเลือกตั้ง โดยเรียลเซ็กเตอร์ภาคธุรกิจยังคงดำเนินการตามแผนประจำปีต่อไป สำหรับบางส่วนที่ต้องตัดสินใจเกี่ยวเนื่องกับรัฐ ต้องรอผลราวเดือนพฤษภาคม แต่สิ่งที่กังวล คือ เรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะมีลักษณะอย่างไร

“ขณะนี้คงไม่ใช่สุญญากาศ เพราะถึงแม้มีการเลือกตั้งแล้ว แต่รัฐบาลชุดนี้ยังดำเนินเรื่องนโยบายอยู่ เพียงแต่ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลอาจมีอะไรเปลี่ยนบ้าง ในส่วนภาคธุรกิจไม่ได้กังวลถึงขนาดนั้น เพราะถึงผลออกมา 95% แต่มีความชัดเจนในระดับหนึ่งแล้ว และเชื่อว่าจะต้องเป็นรัฐบาลผสม แต่ตอนนี้อะไรที่ชะลอได้ก็ต้องชะลอ หรือรอดู ทั้งนี้ ปัจจุบันต้องดูความเป็นจริงของความสามารถของประเทศกับการลงทุนภาครัฐ และการที่จะต้องหวังการลงทุนภาคเอกชนด้วย ดังนั้น ภาครัฐเองต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ว่าใครจะขึ้นมา”

ขณะเดียวกัน “วัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ” ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ หอการค้าไทย กล่าวว่า หลังจากการเลือกตั้งยังอึมครึมเหมือนเดิม ต้องรอหลังเดือนพฤษภาคมที่ กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ จะเห็นหน้าตาของการฟอร์มรัฐบาล ภาคเอกชนคาดหวังเพียงว่า ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล ขอให้มีเสียงข้างมาก สามารถที่จะบริหารราชการแผ่นดินไปได้

โดยขณะนี้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติยังชะลอเช่นเดิม เพื่อรอดูความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะมีนโยบายเป็นไปในทางไหน ในส่วนของประชาชนนั้นคงไม่แตกต่าง เพราะรายได้ยังไม่กระเตื้องขึ้น การจับจ่ายใช้สอยที่ผ่านมาก็ยังคงระวังตัวอยู่ระดับหนึ่ง