ทปอ. จี้รัฐหนุนงบฯนวัตกรรมเกษตร แก้หมอกควันภาคเหนือ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ว่า วันนี้ (20 เมษายน 2562) ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ กองทัพภาคที่ 3 และเครือข่ายสถาบันการศึกษา 12 มหาวิทยาลัย ได้จัดโครงการ “ทปอ.ร่วมใจต้านภัยฝุ่น” เสวนาวิชาการเรื่อง “ทางรอดวิกฤติหมอกควันด้วยองค์ความรู้วิจัย นวัตกรรมและภูมิสังคม” ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติคุ้มคำ จังหวัดเชียงใหม่

ศ.ดร. สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และอธิการบดี
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า สาเหตุสำคัญของปัญหาหมอกควันในภาคเหนือเกิดจากการเผาในที่โล่งอย่างมหาศาล โดยเฉพาะการเผาเพื่อการทำการเกษตรกร จึงจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขต้นตอของปัญหา ซึ่งแนวทางการแก้ปัญหาที่จะมีความยั่งยืน คือ การนำองค์ความรู้วิจัยและนวัตกรรมมาใช้ในระบบการเกษตร โดย ทปอ.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณให้กับสถาบันการศึกษาในภาคเหนือทั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และเครือข่ายสถาบันอีกหลายแห่ง เพื่อพัฒนานวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรไม่ให้มีการเผาหลังการเก็บเกี่ยว ถือเป็นทางเลือกที่สำคัญที่รัฐบาลต้องลงทุน

ทั้งนี้ ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้นำอุปกรณ์ป้องกันภัยจำนวน 25,000 ชิ้น โดยเป็นหน้ากาก N95 จำนวน 24,926 ชิ้น เครื่องเปาลมดับไฟป่า 40 เครื่อง หน้ากากดับไฟป่า จำนวน 50 ชิ้น และทุนทรัพย์ กว่า 750,000 บาท ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้านไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งในการแก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์หมอกควันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จำเป็นต้องผสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาในพื้นที่ภาคเหนือที่มีงานวิจัยและมีองค์ความรู้ที่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

รศ.ดร.วีระพล ทองมา รักษาการแทนอธิการบดี มาหวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า ปัญหามลพิษหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ เกิดจากการเผาในที่โล่งในพื้นที่เกษตรและพื้นที่ป่า เป็นปัญหาสำคัญระดับชาติ ที่จำเป็นต้องบูรณาการทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการนำองค์ความรู้ งานวิจัย นวัตกรรมมาบูรณาการให้เกิดความยั่งยืน