นายกฯเยือนสระแก้ว ลงMOUเส้นทางรถไฟ พร้อมมอบดีเซลราง4คันเชื่อมสัมพันธ์กัมพูชา

ผู้สื่อข่าวประชาชาติธุรกิจรายงานจากจังหวัดสระแก้วว่าวันนี้ (22 เม.ย. 2562) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงว่าด้วยการเดินทางรถไฟร่วมกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งราชาอาณาจักรกัมพูชา การส่งมอบรถไฟดีเซลราง ที่สถานีด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ภายหลังพิธีฉลองความสำเร็จในการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท)

โดยมี คณะรัฐมนตรีของไทยและกัมพูชา เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ผู้บริหารของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมเข้าร่วม

พลเอกประยุทธกล่าวว่าพิธีในวันนี้เป็นการแสดงออกถึงความจริงใจ ความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย ที่พร้อมจะสนับสนุน และผลักดันความเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่อทางรถไฟให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน โดยดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ได้แก่

1. ความเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งสะท้อนได้จากการเปิดสถานีรถไฟด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ระหว่างอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย

2. ความเชื่อมโยงด้านกฎระเบียบ โดยเห็นได้จากพิธีลงนามความตกลงว่าด้วยการเดินทางรถไฟร่วมกันระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและ รัฐบาลแห่งราชาอาณาจักรกัมพูชา

3. ความเชื่อมโยงในการไปมาหาสู่กันของประชาชน

โอกาสนี้ รัฐบาลไทยได้มอบรถดีเซลราง จำนวน 4 คัน แก่รัฐบาลกัมพูชา เพื่อสนับสนุนการคมนาคมทางรางข้ามแดนไปมาหาสู่กันระหว่างชาวไทยกับชาวกัมพูชา รวมถึงชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ยังเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการเดินทางจากสถานีด่านพรมแดนบ้านคลองลึก ข้ามไปยังปอยเปต ศรีโสภณ พระตะบอง จนกระทั่งถึงกรุงพนมเปญ เพื่อแบ่งปันและสร้างโอกาสในการเชื่อมต่อโครงข่ายทางรถไฟ และแสดงถึงความจริงใจในโอกาสที่ไทยกับกัมพูชา จะครบรอบ 70 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2563

พลเอกประยุทธยังกล่าวอีกว่าประเทศไทยไทยพร้อมจะพัฒนาไปสู่เป้าหมายในทุกด้านและยั่งยืน เพื่อสนับสนุนด้านการขนส่งทางรถไฟ การค้าชายแดน การท่องเที่ยว โอกาสทางด้านธุรกิจ และการลงทุนของไทยและกัมพูชา ระหว่างสองประเทศ นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเชื่อมโยงโครงข่ายทางรถไฟภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ

ในขณะที่สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา กล่าวว่า หลังจากเส้นทางรถไฟข้ามแดนถูกทำลายไปตั้งแต่ปี ค.ศ.1973 เนื่องจากสงครามในกัมพูชา ความตกลงด้านการขนส่งทางรถไฟข้ามพรมแดนและการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟกัมพูชา-ไทย จะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ๆ ในการขนส่งทางรถไฟและจะเป็นปัจจัยร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศชาติทั้งกัมพูชาและประเทศไทย

โดยเฉพาะการเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอาเซียนและอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ขณะเดียวกัน เส้นทางรถไฟพนมเปญ-ปอยเปต-คลองลึก ระยะทาง 386 กิโลเมตร ก็ได้รับการฟื้นฟูและพัฒนาขึ้นมาใหม่โดยรัฐบาลกัมพูชาเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังไม่เป็นไปตามมาตรฐานหรือมีความทันสมัย แต่รัฐบาลกัมพูชาก็มีแผนการที่ชัดเจนที่จะพัฒนาเส้นทางรถไฟเพื่อให้ขยายการขนส่ง โดยเฉพาะเพื่อใให้ระบบรถไฟของกัมพูชากลายเป็นระบบที่ได้รับความนิยมจากประชาชนในการเดินทางและการขนส่ง

“ต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ก่อสร้างสะพานเส้นทางรถไฟข้ามพรมแดนกัมพูชา-ไทยขึ้นมาใหม่ ระยะทาง 43 เมตร ด้วยงบประมาณก่อสร้างประมาณ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และได้มอบรถไฟดีเซลราง 1 เครื่อง พร้อมกับรถตู้โดยสาร จำนวน 4 ตู้” สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน กล่าว

ทั้งนี้ผศ.(พิเศษ) ดร.ศิริพงศ์ พฤทธิพันธุ์ รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อน การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สำหรับการเปิดเดินรถเส้นทางระหว่างประเทศไทย-กัมพูชา ช่วงนี้อยู่ระหว่างการหารือร่วมกันทั้งสองฝ่าย คาดว่า จะสามารถเปิดการเดินรถเส้นทางจากอำเภออรัญประเทศไปที่อำเภอศรีโสภณ จังหวัดบันเตียเมียนเจย และต่อไปยังจังหวัดพระตะบองได้ ก่อนสิ้นปี 2562