หมอกควันพ่นพิษเศรษฐกิจเชียงใหม่ Q1 วูบ นักท่องเที่ยวชะลอตัวครั้งแรกในรอบ 8 ปี-ร้านอาหาร-สตรีตฟู้ดยอดขายตกฮวบ

นางนวอร เดชสุวรรณ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจไทยและภาคเหนือ ไตรมาส 1 ปี 2562 ว่า เศรษฐกิจภาคเหนือ ไตรมาส 1 มีปัจจัยผลกระทบจากปัญหาฝุ่นควันในภาคเหนือที่กระทบต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ จากการสำรวจข้อมูลในพื้นที่พบว่า ในช่วงเดือนมีนาคม 2562 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตฝุ่นควัน นักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่ หดตัว 0.2% โดยนักท่องเที่ยวไทยชะลอตัวครั้งแรกในรอบ 8 ปี คิดเป็น 70% ของนักท่องเที่ยวในภาคเหนือ ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว คิดเป็น 30% ของนักท่องเที่ยวในภาคเหนือ

ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองในช่วงระหว่างวันที่ 1-15 เมษายน 2562 ชะลอลง จากปกติมีสัดส่วนราว 20-30% ลดลง 18%

นอกจากนี้ ในช่วงเดือนมีนาคม ยังพบว่าร้านอาหารขนาดใหญ่ มีจำนวนลูกค้าใช้บริการลดลงถึง 30% (โดยเฉพาะคนไทย) ขณะที่ร้านขายปลีกสินค้าทั่วไปมียอดขายลดลง 10-15% (จากนักท่องเที่ยวคนไทย) เช่นเดียวกับการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะร้านขายอาหารริมทาง (Street Food) ก็มียอดขายลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย (จากนักท่องเที่ยวชาวจีนที่หายไป)

สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ไม่ได้รับผลกระทบมากนักคือ ร้านขายปลีกอุปโภคบริโภคระดับบน (โมเดิร์นเทรด) มีปริมาณลูกค้าใช้บริการเพิ่มขึ้น และมียอดขายเพิ่มขึ้น อาทิ จากเดิมเคยซื้อสินค้าจำนวน 1,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 1,500 บาท ซึ่งคาดว่าอาจเป็นเพราะประชาชนต้องการซื้อสินค้าตุนไว้จำนวนมากๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาฝุ่นควัน และยังพบว่าลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มขึ้น

นางนวอร กล่าวต่อว่า ภาพรวมภาคการท่องเที่ยว ไตรมาส 1 เร่งตัวจากไตรมาสก่อน จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนในช่วงตรุษจีน นักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศอื่นขยายตัวดีเช่นกัน เช่น เกาหลีใต้ ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา ยุโรปและเอเชีย ส่วนหนึ่งจากการเปิดเส้นทางการบินใหม่ทั้งสนามบินเชียงใหม่และเชียงรายทำให้จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางบินจากประเทศจีน ประกอบกับผลจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival โดยพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวดีทุกสัญชาติ มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานเชียงใหม่รวมทั้งสิ้น 447,091 คน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนเพิ่มขึ้น 28.0%

ขณะที่การลงทุนภาคเอกชน ในช่วงไตรมาส 1 ดัชนีลดลงร้อยละ 3.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ส่วนสำคัญมาจากภาคก่อสร้างหดตัวต่อเนื่อง อยู่ในระดับต่ำ พื้นที่ได้รับอนุญาตก่อสร้างลดลงในกลุ่มอาคารพาณิชย์ โรงแรม และบ้านเดี่ยวนอกเขตเทศบาล โดยลดลง 19.2% เช่นเดียวกับเครื่องชี้ประกอบอื่นก็หดตัวเช่นกัน ได้แก่ ยอดคงค้างสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ที่ให้แก่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ติดลบ 11.9%

นางนวอรกล่าวต่อไปว่า สำหรับคาดการณ์เศรษฐกิจภาคเหนือช่วงไตรมาส 2 มีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการท่องเที่ยวที่ยังดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อหมอกควันเริ่มคลี่คลายในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม รวมถึงมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrival แต่ขณะเดียวกัน ก็มีปัจจัยความท้าทายที่ต้องระวังคือ ความผันผวนของสภาพภูมิอากาศและภัยแล้ง โดยจากการสำรวจปริมาณน้ำในเขื่อนที่มีอยู่ในภาคเหนือทั้งหมด พบว่ามีปริมาณน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ราว 48% ของทุกเขื่อน ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และภาระหนี้ครัวเรือน เป็นอีกปัจจัยความท้าทายของเศรษฐกิจภาคเหนือในระยะต่อไป