ดีลเลอร์เครื่องจักรกลการเกษตรใต้สะท้อนยอดขายตลาดรถแทรกเตอร์ รถไถภาคใต้ครึ่งปีวูบ 10% เหตุราคาปาล์มน้ำมัน-ยางพาราตกต่ำ โง่หัวไม่ขึ้นต่อเนื่อง 3 ปี เผยทิศทางครึ่งปีหลัง 2562 คาดยังไม่กระเตื้อง ราคาสินค้าเกษตรแนวโน้มไม่ชัดเจน ทำลูกค้าไม่กล้าตัดสินใจลงทุน
นายวินัย ปิ่นทองพันธ์ กรรมการผู้จัดการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ปิ่นทองแทรคเตอร์ จ.พัทลุง ผู้แทนจำหน่าย รถแทรกเตอร์ รถไถ ภายใต้แบรนด์อิเซกิ (ISEKI) และอุปกรณ์การเกษตร อะไหล่เครื่องจักรกลการเกษตร เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมยอดขายตลาดรถแทรกเตอร์ รถไถในพื้นที่ภาคใต้ ช่วงไตรมาสแรกถดถอยตกลงไปประมาณ 10% เนื่องจากราคาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ เช่น ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ส่งผลให้ยอดขายเครื่องจักกลทางการเกษตรทยอยลดลงมาต่อเนื่องประมาณ 3 ปีแล้ว แต่ในส่วนอุปกรณ์และอะไหล่กลับมีทิศทางที่ดี
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
สำหรับทิศทางการตลาดครึ่งปีหลังของปี 2562 แนวโน้มแล้วยังไม่กระเตื้องขึ้น จะอยู่ในระดับที่ทรงตัว เพราะเศรษฐกิจการเกษตรภาพรวมราคายังไม่ดี ลูกค้าจำนวนมากยังไม่กล้าตัดสินใจลงทุนซื้อรถไถ รถแทรกเตอร์ เนื่องจากทิศทางราคาพืชผลทางการเกษตรในอนาคตยังไม่ชัดเจน แต่ถ้าทิศทางข้างหน้าชัดเจน เช่น ราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน ราคาไม่สะวิง มีเสถียรประมาณ 5 เดือน ลูกค้าถึงจะกล้าตัดสินใจลงทุนกันมากขึ้น
ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะธุรกิจของกลุ่มปิ่นทองแทรคเตอร์ ยอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 20% เพราะเป็นรถที่เหมาะสมกับพื้นที่ มีทั้งรถขนาดเล็ก และขนาดกลาง ต่างกับภาคอื่น ๆ เช่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) มีความต้องการรถไถขนาดใหญ่
“ตลาดเครื่องจักกลการเกษตรใน จ.พัทลุง รถไถยี่ห้อคูโบต้า ยังมีส่วนแบ่งเป็นเจ้าตลาดอันดับต้น รองลงมาเป็นอิเซกิ เพราะ จ.พัทลุง มี 2 ดีลเลอร์ คือ ดีลเลอร์คูโบต้า และดีเลอร์อิเซกิ ส่วนดีลเลอร์ยันมาร์ยังไม่มี โดยภาพรวมปกติยันมาร์ จะมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 สำหรับรถไถยี่ห้อที่มาเป็นอันดับต้น ๆ ใน จ.พัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง คือ คูโบต้า รองลงมานิวออร์ลีน และอิเซกิ ซึ่งเพิ่งเปิดตลาดประเภทรถไถ
สำหรับ จ.พัทลุง และ จ.สตูล การซื้อรถไถมาประกอบการทำธุรกิจการเกษตรในกลุ่มส่วนตัว ยังมีปริมาณน้อย เพราะมีพื้นที่น้อย ส่วนใหญ่จะลงทุนซื้อมาประกอบธุรกิจรับจ้างมากกว่า และยังมีทิศทางที่ดี ต่างกับ จ.สงขลา และ จ.ตรัง ที่ซื้อมาประกอบการส่วนตัว ทั้งนี้ ธุรกิจรถไถจะขึ้นอยู่กับคนขับรถ และการบริการ คนขับรถดี บริการดี งานจะเข้ามาเป็นจำนวนมาก ธุรกิจนี้จะขึ้นอยู่กับตัวบุคคลไม่ใช่ตัวรถ”
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการรถไถรับจ้าง จ.พัทลุงเปิดเผยว่า รถไถสามารถทำงานรับจ้างได้ในงานหลายประเภท เช่น ไถนา สวนยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไถดิน ตัดหญ้า กวาดดิน และเจาะหลุมปลูก ราคาค่าไถประมาณ 300 บาท/ไร่ ตัดหญ้า 300 บาท/ไร่ กวาด 1,000 บาท/ไร่ และเจาะหลุมประมาณ 5 บาท/หลุม
ส่วนรถไถขนาดใหญ่สามารถทำรายได้ประมาณ 5,000 บาท/วัน และสามารถทำงานและสร้างรายได้ตลอดทั้งปี ยกเว้นช่วงฝนตกจะไม่มีรายได้
