เปิดเส้นทางจาก “เชียงใหม่” สู่ 3 Route เที่ยวเวียดนาม ดานัง-เว้-ฮอยอัน

การเคลื่อนตัวทางการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวที่กำลังรุกหนักหน่วงของ “ดานัง” (Da Nang) จังหวัดซึ่งตั้งอยู่บริเวณภาคกลางของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ของเวียดนาม ที่ตั้งเป้ามุ่งสู่ประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัยภายในปี 2563 โดยดานังปักธงให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เทคโนโลยีสารสนเทศ และด้านการท่องเที่ยว ทดแทนการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานเข้มข้น

ดานังไข่มุกเวียดนามกลาง
ตำแหน่งเด่นชัดในปัจจุบันของ “ดานัง” คือ ศูนย์กลางเศรษฐกิจและศูนย์กลางขนส่งทางทะเลในพื้นที่ภาคกลาง และในฐานะเมืองท่าสำคัญที่มีการขนถ่ายสินค้าออกสู่ทะเลจีนใต้ตามนโยบายเส้นทางเศรษฐกิจตามแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) และเป็นประตูการค้า (Transshipment Hub) ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของภูมิภาค (Aviation HUB) รองรับด้วย 30 แอร์ไลน์ที่ยึดดานังเป็นฮับการบิน


“อมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา” ผู้อำนวยการ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ บอกว่า ดานังเป็นเมืองที่เติบโตอย่างรวดเร็วในกลุ่ม CLMV และมีแนวโน้มเติบโตสูงเป็นอันดับต้นๆของอาเซียน ซึ่งปัจจุบันเชียงใหม่เป็นฮับการบินเชื่อมกับฮับการบินของเวียดนาม 3 เมืองคือ เชียงใหม่-ฮานอย (สายการบินไทยแอร์เอเชียและบางกอกแอร์เวย์ส), เชียงใหม่-โฮจิมินท์ (สายการบินเวียตเจ็ทแอร์) และเชียงใหม่-ดานัง (สายการบินไทยแอร์เอเชีย) ซึ่งนักท่องเที่ยวจากเชียงใหม่ทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากเริ่มให้ความสนใจเดินทางไปเที่ยวเวียดนามทั้ง 3 Route โดยเฉพาะดานัง เป็น Route ที่เพิ่งเปิดล่าสุด มีอัตราการบรรทุกผู้โดยสารในเส้นทางของการท่องเที่ยว (Load factor) อยู่ที่ราว 70% ขณะเดียวกันในเที่ยวบินขากลับก็มีโอกาสได้นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ที่มาท่องเที่ยวดานังมากที่สุดเป็นอันดับ 1 เดินทางต่อมายังจังหวัดเชียงใหม่ได้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต


Mr.Le Xuan Tung รองผู้อำนวยการ บริษัทท่าอากาศยานแห่งประเทศเวียดนาม (Airport Corporation of Vietnam : ACV) และผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติดานัง ระบุว่า ในรอบ 10 ปี ท่าอากาศยานนานาชาติดานังมีอัตราการเติบโตของผู้โดยสารมากถึง 60.9% ซึ่งจะเห็นว่าด้านการท่องเที่ยวมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและเติบโตแบบก้าวกระโดด ปัจจุบันนักท่องเที่ยวในเอเชีย รวมถึงยุโรปต่างมุ่งหน้าสู่ดานัง ด้วยจุดแข็งที่เป็นเมืองชายทะเลที่สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่าง Ba Na Hills ที่เป็น Magnet ดึงดูด ขณะเดียวกันดานังก็ยังมีความเป็นวิถีชีวิต นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงที่สามารถใช้เวลาเดินทางจากดานังในระยะไม่ไกลมาก เช่น เมืองเว้ และฮอยอัน ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม


“หรรษา” ไกด์ท้องถิ่นชาวเวียดนาม บอกว่า เศรษฐกิจของดานังเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง หลังจากเปิดประตูทางการค้าและการท่องเที่ยวเมื่อ 22 ปีที่ผ่านมา โดยฝั่งหนึ่งของดานังถมทะเลเพื่อสร้างเมืองใหม่ และอีกฝั่งหนึ่งคงความเป็นเมืองเก่าไว้ มีการจัดโซนนิ่งชัดเจน ปัจจุบันดานังมีอัตราการลงทุนอยู่ในอันดับ 5 ของเวียดนาม โดยประเทศที่เข้ามาลงทุนมากที่สุดอันดับ 1 คือ เกาหลีใต้ มีสัดส่วนราว 25% รองลงมาคือ ญี่ปุ่น ขณะที่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมามากเป็นอันดับ 1 คือ เกาหลีใต้ ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาดานังราว 5.7 ล้านคน เป็นสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ 2.8 ล้านคน ยุโรป 1.4 ล้านคน และจีน 1.2 ล้านคน

ปัจจุบันเมืองดานังติด 1 ใน 10 เมืองของเวียดนามที่มีราคาที่ดินแพงที่สุด เฉลี่ย 6 ล้านบาทต่อเมตร เศรษฐกิจของดานังปี 2558 ขยายตัวสูงถึง 9.8% และขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 10% ต่อปีจนถึงปัจจุบัน ขณะที่แผนแม่บทพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดดานัง ตั้งเป้าเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีเป็น 4,500 – 5,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2563 ซึ่งหมายความว่ากำลังซื้อของชาวเวียดนามในดานังจะเพิ่มสูงขึ้น โดยการลงทุน FDI ที่ขยายตัวมากอย่างต่อเนื่องคือ การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทั้งโรงแรมและคอนโดมิเนียม ล่าสุด โครงการลงทุนคอนโดมิเนียมที่ใหญ่ที่สุดในดานัง มีจำนวนห้องพักมากถึง 1.2 แสนห้อง ราคาห้องละประมาณ 4 ล้านบาท มียอดขายแล้วถึง 80%

“บานา ฮิลล์” แลนด์มาร์ก“ดานัง”
Ba Na Hills เป็น Magnet การท่องเที่ยวหนึ่งของดานัง ที่ใครๆก็ต้องไปนั่งกระเช้าไฟฟ้า ฝ่าหมอกบางๆไต่ยอดเขาบานาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,300 เมตร เพื่อไปชมอาณาจักรสถาปัตยกรรมสไตล์ฝรั่งเศสผ่านอาคารโรงแรม ร้านอาหาร ร้านกาแฟ โบสถ์ ร้านขายของที่ระลึก เสมือนเข้ามาอยู่ในดินแดนยุโรป บรรยากาศเช่นนี้ทำเอานักท่องเที่ยวตื่นตาตื่นใจ หามุมถ่ายรูปสวยๆแบบรัวๆ แล้วนั่งกระเช้าลงไปถ่ายรูปสวยๆที่สะพานมือ Golden Bridge สะพานที่ตั้งตระหง่านเหนือหุบเขาบานา (Ba Na Hills)


ไกด์ท้องถิ่นชาวเวียดนาม บอกว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาดานังจะต้องมาเที่ยวที่ Ba Na Hills ซึ่งวันธรรมดาจะมีนักท่องเที่ยวราว 13,000 คน และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ นักท่องเที่ยวจะมากถึง 25,000 คน อัตราค่าขึ้นกระเช้าไฟฟ้าและค่าเข้าชม Ba Na Hills อยู่ที่ราว 1,200 บาทต่อคน ซึ่งโดยเฉลี่ยรายได้ของโครงการนี้มากกว่า 5,600 ล้านบาทต่อปี

เดินทอดน่องท่อง “ฮอยอัน”
ฮอยอัน เมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก Route ท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับดานังที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด ด้วยระยะทางที่ห่างกันเพียง 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 40 นาทีก็ถึงเมืองเล็กๆกะทัดรัดบนฝั่งแม่น้ำทูโบน กล่าวได้ว่าในวันนี้การท่องเที่ยวของฮอยอันเฟื่องฟูสุดขีด นักท่องเที่ยวนับหมื่นต่อวัน หลั่งไหลมาเดินทอดน่องชมเสน่ห์ของตึกรามบ้านช่องดีไซน์สไตล์โคโลเนียล สถาปัตยกรรมล้ำค่าที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้อย่างน่าชื่นชม ระหว่างทางแวะช้อปร้านรวงเก๋ๆ สินค้าท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเวียดนาม หรือจะหยุดพักนั่งจิบกาแฟ มีร้านกาแฟชิคๆ คูลๆตลอดรายทาง
จะดีไม่น้อยหากมีเวลาสักหนึ่งวันหรือครึ่งวัน ปั่นจักรยานลัดเลาะตรอกซอยในเมืองฮอยอัน สัมผัสวิถีชีวิตของชาวท้องถิ่นเมืองนี้ ซึมซับเมืองโบราณมรดกโลก ก็น่าจะได้อรรถรสแบบเต็มอิ่ม

ลอดอุโองค์ ไปสโลไลฟ์ “เว้”
จาก “ดานัง” มุ่งสู่ “เว้” ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ราว 2 ชั่วโมง เลาะเลียบทะเลดานัง ถนนเรียบตรงผ่านอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในอาเซียน ระยะทางราว 6,280 เมตร ซึ่งอุโมงค์แห่งนี้ใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 160,000 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนโครงการจากธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) โดยประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ช่วยกันขุดเจาะอุโมงค์ ใช้เวลาในการก่อสร้าง 5 ปี ตั้งแต่ปี 2000 – 2005 อัตราความเร็วในการขับรถผ่านอุโมงค์กำหนดไว้ที่ 40-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

นั่งรถครบ 2 ชั่วโมงเศษๆ ก็มาสู่เมืองเว้ เมืองมรดกโลกที่มีชีวิต ที่ต้องบอกเช่นนั้นก็เพราะ คนที่นี่มีการดำเนินชีวิตไม่รีบเร่ง การจราจรไม่จอแจ แม้ว่าปัจจุบันยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะเร่งตัว โดยเฉพาะการเติบโตของภาคธุรกิจบริการและการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลท้องถิ่นสนับสนุนอย่างเต็มสูบ แต่บรรยากาศเมืองเว้ก็ยังมีความสโลว์ไลฟ์

ตอนเช้าของที่นี่สว่างเร็วกว่าเมืองไทย ตีห้าฟ้าก็สว่างแล้ว นักท่องเที่ยวอย่างเราสามารถออกมาสัมผัสวิถีชีวิตชาวเว้ได้อย่างสบายๆ สะดวกและปลอดภัย การวิ่งในเมืองเว้ตอนตีห้าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อยากแนะนำสำหรับคนชอบวิ่งออกกำลังกาย วิ่งไปบนทางเท้าที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยทางเดินเท้าที่กว้างขวาง มีต้นไม้เป็นร่มเงาร่มรื่นตลอดสองฝั่งถนน ในแต่ละย่านถูกวางให้เชื่อมเข้าหากันเป็นบล๊อกๆ ถนนทุกสายบรรจบกันเป็นสี่แยกที่เชื่อมโยงถึงกันระหว่างถนนสายหลัก ถนนสายรอง ที่น่าชื่นชมที่สุดก็คือ มีพื้นที่สีเขียวและมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่หลายแห่งใจกลางเมือง สามารถเข้าไปวิ่งในสวนสาธารณะได้ ปะปนกับชาวเวียดนามที่ชอบออกกำลังกายทั้งวิ่ง ปั่นจักรยาน เดิน แอโรบิคกันอย่างคึกคัก

สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองเว้ ต้องไปชมสุสานจักรพรรดิไคดิงห์ ที่มีการผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมตะวันออกร่วมกับสถาปัตยกรรมตะวันตก งดงามและอลังการ อีกจุดหนึ่งที่ต้องไม่พลาดก็คือ พระราชวังโบราณที่ยิ่งใหญ่อลังการเช่นกัน ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเว้ มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม กลมกลืนเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกับเมืองที่อยู่ในห้วงแห่งการพัฒนา ที่สะท้อนชัดว่า การพัฒนาต้องดำเนินควบคู่กับการอนุรักษ์
ภูมิทัศน์ของแต่ละเมือง ล้วนมีอัตลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน และมีเสน่ห์แตกต่างกัน ความตราตรึงและการสวมรวมจิตวิญญาณของเมือง รวมถึงวิถีผู้คนย่อมถูกกำหนดไว้ตามการสืบทอดและการวางแผนของเมืองแต่ดั้งเดิม

ณ วันนี้น่าจับตาในด้านการพัฒนาทั้งผู้คน การพัฒนาเมือง การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ก้าวกระโดดของ “ดานัง” “เว้” และ “ฮอยอัน” ที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเติบโตไปด้วยกันแบบคู่ขนาน ด้านหนึ่งของการพัฒนาไม่ควรให้น้ำหนักเฉพาะอัตราการเติบโตเศรษฐกิจ การยกระดับรายได้ต่อหัวของประชากรเท่านั้น ทว่า การอนุรักษ์ความเป็นเนื้อเมืองเดิมที่มีรากประวัติศาสตร์ล้ำค่า เป็นแง่งามของการพัฒนาเมืองที่น่าสนใจยิ่ง ที่ประเทศกำลังพัฒนาเช่นเวียดนามไม่ควรมองข้าม