ทภ.3 เร่งระดมแผนแก้หมอกควันภาคเหนือปี’63

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ว่า วันนี้ (19 มิถุนายน 2562) กองทัพภาคที่ 3 จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ การแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือ ณ โรงแรมคุ้มภูคำ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชน 9 จังหวัดภาคเหนือ เข้าร่วมระดมความคิดเห็นวางแผน

พลโท ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ระดับภาค เปิดเผยว่า การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการบูรณาการทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐภาคเอกชน, หอการค้า, การท่องเที่ยว, อุตสาหกรรม, ผู้นำชุมชน เพื่อร่วมระดมวางแนวทางและวางแผนแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในปี 2563 ให้ได้ทางออกที่ชัดเจน ที่ไม่ใช่เป็นการแก้ไขปลายเหตุ ทั้งนี้ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากก็คือ การมีส่วนร่วมของผู้นำชุมชนในแต่ละพื้นที่ โดยหน่วยงานภาครัฐระดับอำเภอต้องประสานการมีส่วนร่วมกับแกนนำระดับชุมชน ไม่ว่าจะเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งจะมีข้อมูลของชาวบ้านในการทำการเกษตรพืชเชิงเดี่ยว จำนวนแปลงการปลูกข้าวโพดของแต่ละครัวเรือน รวมถึงข้อมูลการหาของป่าหรือเห็ดถอบ เป็นต้น จึงเป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำมาจัดระเบียบการเผา

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยและหารือกับหลายกลุ่ม ทั้งในส่วนของกลุ่มทุนที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพืชเชิงเดี่ยว ขณะเดียวกันในระดับพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็ได้เจรจาในประเด็นแนวทางการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาที่มีการเปิดสะพานมิตรภาพไทย-พม่า ที่อำเภอแม่สอด รัฐบาลไทยก็ได้หารือในประเด็นนี้กับนางอองซาน ซูจี หรือในส่วนของ TBC ระดับพื้นที่ชายแดนก็เร่งหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน


พลโท ฉลองชัย กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา (กุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2562) ซึ่งปีนี้ มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ปัญหาหมอกควันส่งผลกระทบต่อประชาชนเป็นอย่างมาก ในด้านของสุขภาพ ก่อให้เกิดอาการป่วยถึง 404,943 ราย พื้นที่ป่าถูกทำลาย 5,478,013 ไร่ ทำให้ในห้วงที่ผ่านมา ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการแก้ไข ทุ่มเทกำลังพล เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ และงบประมาณ พร้อมภาคประชาชนที่ให้การสนับสนุน ช่วยกันแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในทุกจังหวัดอย่างเต็มความสามารถโดยตลอดจนสถานการณ์ดีขึ้น และเข้าสู่ภาวะปกติ ตามลำดับ

ทั้งนี้ การระดมวางแนวทางและแผนในครั้งนี้ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในปีต่อไปได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นำไปสรุปเป็นแผนปฏิบัติการในแต่ละเรื่อง เพื่อให้ทุกส่วนได้นำไปเป็นแนวทางการปฏิบัติให้เกิดความพร้อม และสามารถนำไปใช้แก้ไขปัญหาก่อนที่จะเผชิญวิกฤตเหมือนปีนี้


นายวิทยา ครองทรัพย์ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหมอกควันจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ต้องถึงเวลาแล้วในการสรุปสาเหตุที่ชัดเจนของปัญหาหมอกควันและไฟป่า ซึ่งในสาเหตุนั้นมีหลักฐานเชิงประจักษ์ อาจกล่าวได้ว่าไฟป่าที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้น เกิดจากฝีมือของคนเกือบ 100% และในปีนี้ถือว่าวิกฤติยาวนานที่สุด โดยแนวทางและแผนแก้วิกฤติปี 2563 ต้องเน้นเรื่องการบริหารการเผาให้ได้ผลทั้ง 9 จังหวัด เพาะคงห้ามไม่ให้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือหาของป่า-เห็ดถอบไม่ได้ ซึ่งต้องพูดคุยกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ ในการจะจัดระบบและวางแนวทางการบริหารการเผา โดยดึงชาวบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา


นอกจากนี้ ต้องลดปัจจัยให้เกิดการเผาให้น้อยลง โดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือคนที่ได้รับประโยชน์จากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หรือเห็ดถอบ ต้องมีส่วนรับผิดชอบในการแก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งภาคเอกชนขอเรียกร้องให้รัฐบาลนำกลุ่มทุน โดยเฉพาะสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ ร่วมพูดคุยเจรจาเพื่อหาทางออก เช่น การจัดการกำจัดเศษวัสดุทางการเกษตรภายหลังการเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เอกชนจะช่วยเหลือในจุดนี้ได้อย่างไร ขณะเดียวกัน ก็มีข้อมูลในพื้นที่ว่า มีการเปิดล้งรับซื้อเห็ดถอบจากชาวบ้าน โดยในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ขายเห็ดถอบได้ปีละราว 100 ล้านบาท และอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ มีมูลค่าการขายเห็ดถอบปีละราว 10 ล้านบาท เนื่องจากตลาดนิยมบริโภคมากขึ้น ขณะที่ตลาดจีนมีแนวโน้มนำเข้าเห็ดถอบมากขึ้น เพราะคนจีนเริ่มนิยมบริโภคเห็ดถอบมากขึ้น