ผู้ว่าฯตรัง เผย แนวทางการอนุรักษ์พะยูนให้อยู่คู่ทะเลตรัง ประชาชนชาวตรังจะต้องร่วมมือกันในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ พร้อมลงพื้นที่เกาะลิบง ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ที่ช่วยดูแลพะยูนน้อย “มาเรียม”
นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เปิดเผยว่า ประชาชนชาวตรังต่างตระหนักถึงความสำคัญของพะยูน ซึ่งเปรียบเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตรัง โดยปัจจุบันพื้นที่เกาะลิบง เกาะมุก จังหวัดตรัง พบพะยูนสูงสุด ประมาณ 180 ตัว ล่าสุด ประชาชนทั่วประเทศต่างให้ความสนใจพะยูน (Dugong) มากขึ้น หลังจากที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่วิดีโอลูกพะยูน “มาเรียม” ออกไป
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ดังนั้นแนวทางในการอนุรักษ์พะยูนให้อยู่คู่ทะเลตรัง จะต้องเพิ่มจำนวนประชากรพะยูนและลดอัตราการตายให้ได้มากที่สุด ประชาชนจะต้องร่วมมือกันในการอนุรักษ์ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ อีกทั้งดูแลแหล่งหญ้าทะเลที่เป็นอาหารสำคัญของพะยูน รวมถึงการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง ที่ได้นำอากาศยานไร้คนขับหรือ “โดรน” ทำการบินสำรวจ เพื่อเฝ้าดูแลการทำประมงที่ผิดกฎหมาย เพื่อช่วยปกป้องแหล่งหญ้าทะเลและฝูงพะยูน และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนด้วย
“ล่าสุดเมื่อเร็วๆนี้ ผมและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้พากันลงพื้นที่เกาะลิบง จังหวัดตรัง ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และอาสาสมัคร ที่ช่วยดูแลพะยูนน้อย “มาเรียม” ซึ่งขณะนี้ ประชาชนจากทั่วประเทศต่างให้ความสนใจพะยูน (Dugong) มากขึ้น หลังจากที่สื่อสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่วิดีโอลูกพะยูน “มาเรียม”ออกไป ทั้งนี้ ประชาชนชาวตรัง ต่างตระหนักถึงความสำคัญของพะยูน ซึ่งเปรียบเป็นสัญลักษณ์ของเมืองตรัง” นายลือชัย กล่าว
นายลือชัย กล่าวต่อไปว่า ดังนั้น แนวทางในการอนุรักษ์พะยูนให้อยู่คู่ทะเลตรัง จำเป็นต้องเพิ่มจำนวนประชากรพะยูนและลดอัตราการตายให้ได้มากที่สุด ประชาชนชาวตรังจะต้องร่วมมือกันในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ อีกทั้งดูแลแหล่งหญ้าทะเลที่เป็นอาหารสำคัญของพะยูน รวมถึงพื้นที่อนุบาลเจ้ามาเรียม ตลอด 24 ชม. หรือจนกว่าภารกิจการติดตามเฝ้าระวังพะยูนน้อยจะเสร็จสิ้น ทั้งการเฝ้าระวังเรือทุกชนิดห้ามเข้าบริเวณที่ทำการอนุบาลเจ้ามาเรียมโดยเด็ดขาด ซึ่งอาจเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัย พร้อมตรวจตราลาดตระเวนเฝ้าระวังการเกยตื้นของเจ้ามาเรียม รวมทั้งสนับสนุนช่วยเหลืองานอนุบาลอื่นๆ
