ผวจ.สระแก้วตรวจบ่อขยะอิเล็กทรอนิกส์วังน้ำเย็น สั่งขนกลับต้นทางภายใน 1 เดือน

จากกรณีที่ชาวบ้านหนองแก หมู่ 8 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ร้องเรียนเรื่องพบขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมาก ที่มีกลุ่มนายทุนขนใส่รถนำมากองในพื้นที่บริเวณบ่อลูกรังร้างหลังภูเขาเขตป่าอนุรักษ์ (โซนซี) ทุกวัน หวั่นเกิดผลกระทบมลพิษทางสิ่งแวดล้อม จึงได้ร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ คาดว่าเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์จากพื้นที่ชลบุรีที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเพื่อบดย่อยทำลาย ก่อนจะขนถ่ายมากองไว้ใน จ.สระแก้ว เป็นเวลาประมาณ 2 เดือน จนมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น พร้อมทั้งขุดบ่อน้ำบาดาลตั้งแคมป์ให้แรงงานชาวเขมรคัดแยกส่งขาย โดยไม่ได้รับอนุญาต

วันที่ 8 กค.62 เวลา 10.00 น. นายสมศักดิ์ กรึงไกร หัวหน้ากลุ่มงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ และทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว ได้เดินทางเข้าพื้นที่บ่อขยะพิษ ชื่อว่า “รวมใจรีไซเคิล” เลขที่ 238 ม.8 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว พบนายบุญยืน น้อยเจริญ ผู้ที่นำเข้าขยะทั้งหมด โดยได้พาเดินดูกองขยะชิ้นส่วนหลายกอง ซึ่งมีชิ้นส่วนรถยนต์และสายไฟ แผงวงจร อลูมิเนียม ที่ถูกคัดแยกออกแล้วใส่ถุงกระสอบกองอยู่

นายสมศักดิ์ กรึงไกร หัวหน้ากลุ่มงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า จากการที่เดินดูโดยรอบแล้ว พบว่า เป็นขยะอุตสาหกรรม ซึ่งถือว่าเป็นขยะปนเปื้อน ต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าเป็นขยะอันตราย มีสารพิษหรือไม่ ในส่วนนี้ถึอว่าผิดมาตั้งแต่ต้นแล้ว ซึ่งขยะที่ขนย้ายมาในพื้นที่นั้นที่จริงแล้วจะต้องขออนุญาตไปทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมเสียก่อนว่า จะนำออกไปที่ไหน ซึ่งตามกฏหมายแล้ว จะต้องดำเนินการคัดแยกที่บริษัท อริสา รีไซเคิล จำกัด

แต่ถ้านำออกมาก็จะต้องมีใบอนุญาตนำออกมาและที่จะนำมาลงก็จะต้องเป็นอาคารโรงเรือนโรงงาน ที่ขออนุญาตจากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้อง ไม่ใช่มาลงทิ้งคัดแยกอีกครั้งที่กลางป่า อีกทั้งยังเป็นเขตป่าอนุรักษ์อีก จากนี้จะแจ้งไปทางจังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยองว่า บริษัททั้งสองนี้นำขยะอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวออกมาอย่างถูกต้องหรือไม่ โดยอันดับแรกจะสั่งปิดพื้นที่นี้ก่อน และก็จะแจ้งให้ทางบริษัทอริสา ที่ได้ให้นำวัตถุอันตรายออกมาให้นำกลับไปด้วย เบื้องต้นก็แค่แจ้งข้อหา จัดตั้งและประกอบการกิจการโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต

นายบุญยืน น้อยเจริญ ผู้ที่นำขยะเข้ามา กล่าวว่า ตนเองได้ใช่ชื่อบริษัท อริสา รีไซเคิล จำกัด ตั้งอยู่ที่อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ไปยื่นประมูลที่บริษัทซันแท็ค ที่ได้ทำการบดย่อยชิ้นส่วนรถยนต์ โดยแยกดูดเอาชิ้นส่วนใหญ่ ประเภทเหล็ก รวมทั้งของที่ใช้ได้ออกไปหมดแล้ว และได้เปิดประมูลชิ้นส่วนรถยนต์ที่เหลือและนำมาไว้ที่นี่ จำนวนทั้งหมดประมาณ 300 ตัน ในราคาประมูลตันละ 2,000 บาท โดยจะนำมาคัดแยกในส่วนที่เหลือเท่านั้น ส่วนคนงานชาวกัมพูชานำมาจากชลบุรี ซึ่งทุกคนมีพาสปอร์ต ซึ่งขณะนี้ตนได้ถูกเปรียบเทียบปรับกรณีแรงงานชาวกัมพูชา จำนวน 41 คน เป็นเงินกว่า 3 แสนบาท และทางตำรวจตรวจคนเข้าเมืองก็ได้ผลักดันกลับไปประเทศกัมพูชาหมดแล้ว

ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น.นายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมมลพิษ, ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว, อุตสาหกรรมจังหวัดสระแก้ว สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว, กอ.รมน., ป่าไม้, ตำรวจ, และอีกหลายหน่วยงาน ลงพื้นที่บ่อลูกรังร้างสถานที่รับอิเล็กทรอนิกส์ ที่ บ้านหนองแก หมู่ 8 ต.ตาหลังใน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นเขตป่าอนุรักษ์ (โซนซี) โดยมีนายบุญยืน น้อยเจริญ ผู้นำเข้าขยะดังกล่าวมาต้อนรับและชี้แจงข้อเท็จจริงแก่คณะผู้ว่าฯ จากนั้นผู้ว่าฯ สระแก้วได้เดินสำรวจบริเวณโดยรอบ พบว่าเป็นขยะของชิ้นส่วนรถยนต์ที่ถูกบดละเอียด เช่น โฟม เศษเบาะ พาสติก แต่ก็ยังมีแผงวงจรอิเลคทรอนิกส์ อลูมิเนียม สายไฟ ตะกั่ว ปะปนอยู่

จากนั้นนายวิชิต ชาตไพสิฐ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า จากการที่ได้เดินดูพบว่าเป็นขยะอันตราย มีกลิ่นเหม็น ขั้นแรกจะต้องป้องกันไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบ ทั้งเก็บกู้ ส่งคืน ต่อมาก็จะดูการกระทำความผิด เบื้องต้นน่าจะเป็นกรรมเดียว แต่หลายทัณฑ์ความผิด ไม่ว่าจะเป็นการขนย้าย ขนถ่าย การบุกรุกพื้นที่ป่า การจ้าง แรงงาน โดยจะต้องดำเนินการอย่างเข็มงวด เพราะว่าจังหวัดสระแก้วมีกลุ่มนักธุรกิจบางกลุ่มที่ชอบฉกฉวยโอกาสใช้พื้นที่มาทำสิ่งที่ไม่ถูกกฏหมาย

สำหรับดำเนินการตามกฏหมายทางผู้กำกับการตำรวจภูธรอำเภอวังน้ำเย็นแจ้งว่า จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ โดยได้สั่งการให้อุตสาหกรรมจังหวัด ท้องถิ่น และอำเภอวังน้ำเย็นเข้ามากำกับควบคุมในการขนย้ายขยะทั้งหมดออกจากพื้นที่ให้หมดภายใน 1 เดือน จากนั้นกรมควบคุมมลพิษก็จะเข้ามาตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง ว่าจะมีสารพิษตกค้างอีกบ้างหรือไม่ และให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด