อบต.โป่งผา หวั่นอันตราย! ห้ามขึ้นอาคารไม้ไผ่ชมดอยนางนอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีได้มีชาวบ้านป่าแฝหมู่ 3 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้สร้างสถานที่กลางทุ่งนาเรียกว่า “นางนอนเบสแคมป์” ด้วยการอาคารไม้ไผ่ล้วนๆ สูง 4-5 ชั้นเรียกว่า “ตูบผะหญา” หรือเพิงปัญญาและมีบริหารอาหารพื้นเมือง ชา กาแฟ พร้อมเปิดให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ทุ่งนา ชนบทและเทือกเขาดอยนางนอน จนทำให้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวพากันเดินทางไปเยือนเป็นจำนวนมากนั้น ล่าสุดพบว่าองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โป่งผา ได้มีหนังสือแจ้งไปยังถึงนายขวัญณรงค์ ขวาเมืองพาน เจ้าของสถานที่ให้หยุดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวขึ้นไปบนตูบผะหญ้าดังกล่าวแล้ว

โดยเป็นหนังสือ “คำสั่งห้ามใช้อาคารหรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารที่อาจเป็นภยันตราย ตามมาตรา 40 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 41 วรรคหนึ่ง” (กรณีที่การก่อสร้าง ดัดแปลง เคลื่อนย้ายหรือรื้อถอนอาคารไม่ได้รับใบอนุญาต) เลขที่ ชร 78403/0734″ มีเนื้อหาระบุว่ากรณีอาคารดังกล่าวก่อสร้างด้วยไม้ไผ่กว้าง 25 เมตร ยาว 20 เมตรจำนวน 1 หลัง พบว่ายังไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นและเนื่องจากอาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกายหรือทรัพย์สิน จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 40 วรรคหนึ่ง หรือมาตรา 41 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522

ห้ามไม่ให้ใช้หรือยินยอมให้บุคคลใดใช้อาคารนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนโดยหนังสือลงชื่อ น.ส.สุดา ปฏิเสน รองปลัด อบต.โป่งผา รักษาราชการแทนปลัด อบต.โป่งผา และปฏิบัติหน้าที่นายก อบต.โป่งผา หนังสือยังพ่วงด้วยโทษของการละเมิดหลายข้อ เช่น ผู้ใดก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายอาคารโดยเจ้าของอาคารไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่นต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท หากฝ่าฝืนอีกต้องระวางโทษปรับวันละ 500 บาท การกระทำอันเกี่ยวกับอาคารเพื่อพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม การศึกษาหรือการสาธารณสุขหรือเป็นกระกระทำในทางการค้าเพื่อให้เช่า ให้เช่าซื้อ ขาย หรือจำหน่ายโดยมีค่าตอบแทนซึ่งอาคารใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับเป็นสิบเท่าของโทษที่บัญญัติสำหรับความผิดนั้นๆ หรือทั้งจำทั้งปรับ ฯลฯ”

ล่าสุดทาง พ.ต.ท.ฉันทฤทธิ์ เหล่าไพโรจน์จารี สารวัตรสถานีตำรวจท่องเที่ยว 2 กองกำกับการตำรวจท่องเที่ยว 4 (สว.ส.ทท.2 กก.4) กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมนางนอนเบสแคมป์และพบปะกับนายขวัญณรงค์โดยแจ้งว่าเพื่อไปเยี่ยมเยียนนักท่องเที่ยวตามหน้าที่ ซึ่งนายขวัญณรงค์แจ้งว่าหลังจากได้รับแจ้งจาก อบต.โป่งผา ก็ได้นำหนังสือไปติดเอาไว้ใต้อาคารและมีป้ายเตือนไม่ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปบนตูบผะหญาดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นทาง พ.ต.ท.ฉันทฤทธิ์ ตรวจสอบพบว่าอาคารไม้ไผ่ยังคงมีความมั่นคงแข็งแรงและชื่นชมในภูมิปัญญาที่สามารถสร้างอาคารไม้ไผ่ได้ใหญ่โตดังกล่าว กระนั้นก็ขอให้มีการดำเนินการแจ้งเจ้าพนักงานท้องถิ่นและสร้างให้ถูกต้องตามระเบียบต่อไปด้วย

ซึ่งนายขวัญณรงค์ กล่าวว่าเดิมนั้นตนไม่ได้ตั้งใจจะเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวในช่วงนี้ โดยอยู่ระหว่างดำเนินการและมีการแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นไปแล้ว แต่ปรากฎว่าขณะดำเนินการได้มีนักท่องเที่ยวพากันไปเยือนเป็นจำนวนมากจึงห้ามปรามไม่ไหว กระนั้นยืนยันว่าตูบผะหญ้าที่สร้างจากไม้ไผ่หลังใหญ่ดังกล่าวไม่ใช่คอนโดไม้ไผ่หรือเป็นที่พักอาศัยแต่อย่างใด แต่สร้างเพื่อให้มีความงดงามและสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ได้โดยจำกัดจำนวนคน รวมทั้งตั้งใจจะทำให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนจึงค่อยเปิดช่วงปลายปี 2562 หรือฤดูหนาวนี้ ดังนั้นเมื่อทางเจ้าหน้าที่ไปแจ้งให้ทราบจึงกำลังอยู่ระหว่างประสานงานกันเพื่อร่วมกับเจ้าหน้าที่ในการปรับให้ถูกต้องตามระเบียบ เมื่อแล้วเสร็จก็คาดว่าจะสามารถเปิดให้ขึ้นไปชมทิวทัศน์ได้เหมือนเดิมโดยทันช่วงปลายปีตามที่กำหนดไว้แต่เดิมด้วย สำหรับช่วงนี้นั้นก็ยังคงเปิดพื้นที่ด้านล่างเป็นเพิงไม้ไผ่ สถานที่พักผ่อน อาหารพื้นเมืองประเภทน้ำเงี้ยว กาแฟ ฯลฯ ให้บริการนักท่องเที่ยวไปชมทิวทัศน์ได้เหมือนเดิม อย่างไรก็ตามก็อยากติงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ว่าคนระดับชาวบ้านเราคงไม่อาจจะเข้าไม่ถึงข้อกฎหมายอย่างละเอียดโดยเฉพาะ พ.ร.บ.ควบคุมอาหาคาร ดังกล่าวหากว่าทางหน่วยงานราชการไม่ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง