การรถไฟฯแจงลังเลลากรางรถไฟเข้านิคมอุดรฯ เหตุมีแผนสร้างคอนเทนเนอร์ยาร์ดอีกแห่ง

ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวนายสุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล ประธานบริหารบริษัท เมืองอุตสาหกรรมอุดรธานี จำกัด ผู้รับสิทธิดำเนินโครงการนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี (ต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้ปรับพื้นที่เฟสแรกไปแล้วกว่า 1,084 ไร่) ประกาศหยุดการดำเนินโครงการฯ เนื่องจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ไม่มีความชัดเจนในเรื่องการตั้งศูนย์กระจายสินค้าทางรางในนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี โดยศูนย์กระจายสินค้าทางรางเป็นจุดขายของนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี ซึ่งทำให้ค่าขนส่งทางรางต่ำกว่าปกติ 4 เท่า อีกทั้งยังเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเข้ามาดูแลให้ได้รับสิทธิพิเศษเทียบเท่าเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น

การรถไฟแห่งงประเทศไทยขอเรียนชี้แจงดังนี้ การรถไฟฯ มีแผนที่จะดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ซึ่งรวมงานก่อสร้างคอนเทนเนอร์ยาร์ดที่สถานีรถไฟหนองตะไก้ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี พื้นที่ 18 ไร่ บริเวณ กม.550 ไว้ด้วย โดยคอนเทนเนอร์ดังกล่าวอยู่ห่างจากนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีเพียง 2 กม. การวางรางรถไฟเข้าไปพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี เพื่อตั้งศูนย์กระจายสินค้าทางรางจึงทับซ้อนกับคอนเทนเนอร์ยาร์ดที่สถานีรถไฟหนองตะไก้โดยตรง หากรัฐบาลจะดำเนินโครงการทั้งสองแห่งก็จะเป็นการใช้งบประมาณอย่างไม่คุ้มค่า

ดังนั้นเพื่อให้เกิดความรอบคอบและชัดเจน จึงต้องมีการศึกษาความเหมาะสมของโครงการ (Feasibility Study) ก่อน ทั้งในด้านปริมาณความต้องการขนส่งสินค้า ความเชื่อมโยงกับโครงข่ายถนนสายหลัก ด้านวิศวกรรม ด้านการบริหารการเดินรถ และความคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์

ทั้งนี้ที่ผ่านมาหากเอกชนจะขอวางรางเข้าไปในพื้นที่ของเอกชน เอกชนจะต้องเป็นผู้จ่ายค่าก่อสร้างเอง แต่สำหรับกรณีนิคมอุตสาหกรรมอุดรธานีนั้น หากผลศึกษาออกมาว่า การวางรางเข้าไปในนิคมฯมีความเหมาะสมมากกว่าการสร้างคอนเทนเนอร์ยาร์ดที่สถานีรถไฟหนองตะไก้ การรถไฟฯก็จะยกเลิกงานก่อสร้างคอนเทนเนอร์ยาร์ด และขอรับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลมาดำเนินการวางรางรถไฟเข้าไปในพื้นที่นิคมฯแทน ในส่วนของการอนุญาตใช้พื้นที่ก่อสร้างถนนในเขตทางรถไฟนั้น การรถไฟฯต้องพิจารณาผลกระทบจากการใช้พื้นที่ก่อสร้างรถไฟทางคู่ และรถไฟความเร็วสูง หากมีพื้นที่เพียงพอ การรถไฟฯยินดีอนุญาตให้ใช้พื้นที่ก่อสร้างถนนขนานทางรถไฟ ทั้งนี้การอนุญาตดังกล่าวต้องปฏิบัติตามระเบียบของการรถไฟฯ