“นายกตู่”บุกเมืองคอนตรวจการก่อสร้างโครงการบรรเทาอุทกภัย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30น.วันนี้ (13 ก.ย.62) ที่บริเวณก่อสร้างประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ-หัวตรุด หมู่ 1 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะ เดินทางด้วยรถตู้อัลพาดโตโยต้าสีขาว หมายเลขทะเบียน 7กฬ-1333 กทม.เข้าตรวจติดตามความคืบหน้าของโครงการโดยมีนายประพิศ จันทร์มา รองอธิบดีกรมชลประทานฝ่ายก่อสร้างได้รายงานผลการดำเนินงานให้นายกฯ รับทราบ โดยระบุว่าโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

ทั้งนี้เพื่อบรรเทาอุทกภัยที่เกิดจากปริมาณน้ำท่วมที่ไหลผ่านตัวเมืองนครศรีธรรมราช และพื้นที่ข้างเคียงไม่ให้เข้าไปท่วมพื้นที่ในเขตชุมชนและเขตเศรษฐกิจของเมือง รวมทั้งเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้เพื่อการเกษตรกรรม และอุปโภค-บริโภคในฤดูแล้ง โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำที่ไหลผ่านเมืองและการผันน้ำก่อนเข้าเมืองโดยโครงการดังกล่าวจะมีการก่อสร้างประตูเก็บกักน้ำไว้ในคลองระบายน้ำเพื่อใช้ในฤดูแล้ง ประมาณ 8.50 ล้านลูกบาศก์เมตร และสามารถช่วยเหลือราษฎรริมฝั่งคลองให้มีน้ำใช้เพื่อการเกษตรและอุปโภค-บริโภค เป็นโครงการระบบระบายน้ำ ที่จะมีการก่อสร้างและปรับปรุงคลองระบายน้ำเดิมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถระบายน้ำได้มากขึ้น พร้อมทั้งก่อสร้างประตูระบายน้ำเพื่อกักเก็บน้ำและป้องกันน้ำเค็มหนุนในหน้าแล้ง ด้วยการขุดคลองผันน้ำใหม่ จำนวน 3 สาย ความยาวประมาณ 18 กิโลเมตร พร้อมกับขุดขยายคลองเดิมคือ คลองวังวัว ความยาวประมาณ 5.90 กิโลเมตร และคลองท่าเรือ-หัวตรุด ความยาวประมาณ 11.90 กิโลเมตร รวมทั้งมีการก่อสร้างประตูระบายน้ำอีก 7 แห่ง

โดยประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ-หัวตรุด เป็น 1 ใน 7 แห่ง ของโครงการฯ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างรวม 3 ปี (พ.ศ.2561-พ.ศ.2563) ปัจจุบันการก่อสร้างประตูระบายน้ำดังกล่าวมีความก้าวหน้าในการดำเนินงานแล้วประมาณ 44% และหากโครงการฯแล้วเสร็จ จะสามารถบรรเทาอุทกภัยในเขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชและลดพื้นที่น้ำท่วมได้ประมาณร้อยละ 90และขณะนี้ได้ติดขัดในเรื่องของที่ดินของชาวบ้าน58แปลงที่ไม่ยินยอมให้เวนคืน

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้บอกกับรองอธิบดีกรมชลประทานให้เร่งไปสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านที่ไม่ยินยอมพร้อมกับขอให้นายสุนทร ชวดชุมอายุ63ปีและนางอุบล ชวดชุมอายุ 67 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4/3 หมู่ 2 ต.ท่าเรือ อ.เมือง ซึ่งเป็นครอบครัวแรกที่ยินยอมให้กรมชลประทานเข้าดำเนินการก่อสร้างในบริเวณประตูระบายน้ำคลองท่าเรือ-หัวตรุด โดยมอบที่ดินให้ไป34ไร่ไปช่วยสร้างความเข้าใจกับกลุ่มชาวบ้านที่ไม่ยินยอมให้ที่ดิน และนายกฯได้พูดกับประชาชนรวมถึงหัวหน้าส่วนที่มาร่วมต้อนรับในบริเวณดังกล่าวว่าตนจะนำโครงการพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทุกโครงการมาดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกระแสรับสั่งของในหลวงรัชกาลที่ 10 เพราะโครงการของพระองค์ท่านทุกโครงการมีประโยชน์กับประชาชน และบอกว่า “ตนรักจังหวัดนครศรีธรรมราช ตนเดินทางมาบ่อยมาถึง 4 ครั้งแล้ว และจะมาอีก โดยตนจะนำความเจริญมาให้กับจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย”

ด้านนายสุนทร ชวดชุม ระบุว่า หลังตนทราบว่าจะมีโครงการนี้เกิดขึ้นและยินดีที่จะมอบที่ดินให้โดยไม่มีเงื่อนไขเพราะตรงนี้จะมีปัญหาน้ำท่วมบ่อยและดินเปรี้ยวทำนาได้ปีละครั้ง หากมีโครงการนี้เกิดขึ้นประชาชนก็จะได้รับประโยชน์ทั้งจังหวัด ตนจึงยินดีมอบให้โดยไม่ทราบว่าจะได้รับค่าเวนคืนเท่าไหร่ แต่อยากให้โครงการแล้วเสร็จเร็วๆ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

ต่อมาเวลา 10.30 น.คณะของนายกรัฐมนตรีได้เดินทางต่อไปยังโรงเรียนสาธิตองค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 ต.ท่าเรือ อ.เมือง เพื่อมอบอุปกรณ์การเรียนและสิ่งของให้กับนักเรียนและประชาชนที่มารอต้อนรับจำนวนมากพร้อมกับพบปะกับประชาชนที่มาต้อนรับ

และเวลา 11.30 น.คณะของนายกรัฐมนตรีก็ได้เดินทางต่อไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อสักการะพระบรมธาตุเจดีย์เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยที่วัดพระมหาธาตุฯได้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ยืนรอและขอถ่ายรูปกับนายกฯโดยนายกมีอารมณ์ดีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสทักทายและถ่ายรูปกับประชาชนทั่วหน้า พร้อมกับบอกกับประชาชนว่า “อย่าทิ้งกันนะ” ก่อนที่จะเดินทางกลับมายังท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช เพื่อเดินทางต่อไปยัง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี ต่อไป.