เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีทุ่ม 130 ล้านสู่เวิลด์คลาส

รีโนเวตใหญ่ - เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีปรับปรุงแหล่งท่องเที่ยวภายในที่ทรุดโทรมเพื่อพัฒนาให้มีความทันสมัยสู่มาตรฐานระดับโลก

นายอนุชา ดำรงมณี กรรมการบริหาร ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (กพค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เตรียมแผนปรับปรุงเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีครั้งใหญ่ ล่าสุดคณะกรรมการบริหารการพัฒนาพิงคนครได้อนุมัติงบประมาณปี 2562 ซึ่งเป็นงบฯจากเงินสะสมจำนวน 130 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวภายในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี หลังจากพบว่ามีสถานที่ท่องเที่ยวภายในโครงการหลายจุดเริ่มเสื่อมโทรม ซึ่งตามแผนงานหลักของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี คือ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวภายในโครงการให้มีความทันสมัยและมีคุณภาพได้มาตรฐาน สู่เป้าหมายการเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับเวิลด์คลาส

ทั้งนี้ ตามแผนงานหลักที่วางไว้ จะเร่งพัฒนาและสร้างมาตรฐานระบบโครงสร้างพื้นฐานภายในโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ซึ่งพบว่ามีหลายส่วนเริ่มเสื่อมโทรม เช่น ส่วนแสดงน้ำพุ ถือเป็นอีกหนึ่งแม็กเนต (magnet) ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมาก แต่ปัจจุบันส่วนแสดงน้ำพุเริ่มไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ต้องขุดลอก swan lake การปรับปรุงศูนย์อาหารใหม่ โดยจะนำร้านอาหารแบรนด์ดังในเชียงใหม่มาเปิดให้บริการ ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างและปรับปรุงตามโครงการได้ประมาณเดือนมกราคม 2563 โดยตั้งเป้ามุ่งสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยว world class destina-tion

นอกจากนี้ แผนงานในปี 2563 ยังมีโครงการพัฒนากิจกรรมอีกหลายส่วน ได้แก่ การเตรียมเปิดตลาดนัดสินค้าเกษตรออร์แกนิก 4 ตำบลรอบข้าง ซึ่งจะเปิดพื้นที่ภายในโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีในวันเสาร์-อาทิตย์ รวมถึงเตรียมสร้างหุ่นรูปสัตว์จากวัสดุธรรมชาติบริเวณด้านหน้าโครงการ และจะพัฒนาเส้นทางจักรยานวิบากภายในโครงการ ให้เป็นเส้นทางจักรยานที่ใกล้ชิดธรรมชาติ ขณะเดียวกัน ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2562 ร้านกาแฟแบรนด์คาเฟ่อเมซอน จะมาเปิดให้บริการภายในโครงการ เป็นสาขาเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี รองรับลูกค้านักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ


นายอนุชากล่าวว่า สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้าชมเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ในปี 2562 ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน มีจำนวน 650,000 คน และคาดว่ารายได้ในปีนี้จะไม่ต่ำกว่า 230 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 250 ล้านบาท ในส่วนของนักท่องเที่ยวกลุ่มหลัก คือ ตลาดในกลุ่มเอเชีย โดยมีสัดส่วนของตลาดนักท่องเที่ยวจีนถึง 80% อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 จะขยายตลาดไปยังประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและเริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเชียงใหม่เพิ่มมากขึ้นในขณะนี้ การขยายตลาดอินเดียเพื่อเป็นการเพิ่มฐานนักท่องเที่ยวของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี และลดการพึ่งพาตลาดจีนเพียงตลาดเดียว