YEC หอการค้าตราดร้องรัฐแก้ไขตลาดค้าออนไลน์จีน “ไม่เป็นธรรม” นำสินค้าถูกตีตลาดไทย ชี้ปิดช่อง SMEs โต
นายจตุพัฒน์ ฤกษ์สหกุล ประธาน YEC หอการค้าจังหวัดตราด เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันการซื้อขายสินค้าผ่านธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ อีคอมเมิร์ซ หรือตลาดออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสินค้าจากจีน เป็นที่นิยมเพราะราคาถูกและไม่ต้องเสียค่าจัดส่ง ทุกวันนี้ผู้ให้บริการตลาดออนไลน์รายใหญ่หลายแห่งของไทยมีบริการเชื่อมโยงสินค้ากับตลาดออนไลน์ต่างประเทศและแปลภาษาไทยอัตโนมัติ เช่น เว็บไซต์ lazada.co.th มีการนำสินค้าของเว็บไซต์ taobao.com เข้ามาแสดงในเว็บไซต์ โดยที่ผู้ซื้อแทบไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังซื้อสินค้าจากจีน
- ฟินแลนด์ระงับการให้วีซ่าแรงงานเก็บผลไม้ป่าทุกคนจากไทย
- เร่งสายสีแดง มธ.รังสิต-มหิดล ศาลายา คอนโดฯ-บ้านเดี่ยวจ่อเปิดตัวรับเทรนด์ปีมังกร
- เหล้าเบียร์ 5 แสนล้านสะเทือน สิงห์-ช้างอ่วม กฎหมายใหม่ห้ามโฆษณา
ที่น่าเป็นห่วงคือการค้าออนไลน์เป็นแบบ B2C และ C2C ส่วนใหญ่ เน้นการขายปลีก ไม่มีขั้นต่ำ การสั่งซื้อเข้าถึงลูกค้าได้สะดวกรวดเร็ว สินค้าที่มาจากจีน เช่น อุปกรณ์ไอทีสินค้าแฟชั่น เครื่องใช้ไฟฟ้า แม้เป็นสินค้ายี่ห้อเดียวกันรุ่นเดียวกัน บางรายการมีราคาถูกกว่าสินค้าในไทย 30-50% และค่าบริการจัดส่งฟรี เนื่องจากสินค้านำเข้ามีปริมาณไม่เกินกำหนดที่ต้องเสียภาษี จึงราคาถูก ในทางกลับกันสินค้าของไทยกลับไม่ได้ถูกนำไปแสดงในตลาดออนไลน์ของจีน เท่ากับว่าไทยไม่มีโอกาสขายสินค้าผ่านทางออนไลน์ แต่จีนกลับมีโอกาสขายสินค้าให้ผู้บริโภคชาวไทยได้ ซึ่งไม่เป็นธรรมทางการค้า ทำให้ขาดดุลทางการค้าในตลาดออนไลน์ เป็นการปิดช่องการเติบโตของสินค้ากลุ่ม SMEs, กลุ่ม OTOP และวิสาหกิจชุมชน
“ปัญหานี้หอการค้าจังหวัดตราดได้เสนอให้ภาครัฐดำเนินการ 2 ลักษณะ คือ 1) ให้ผู้ทำตลาดออนไลน์จีนที่เป็นคู่ค้านำสินค้าจากตลาดออนไลน์ของไทยแสดงในตลาดออนไลน์ด้วย เพื่อความเป็นธรรมทางการค้า หากไม่ยอมรับข้อเสนอนี้ ควรออกกฎหมายตอบโต้ กีดกันการแสดงสินค้าออนไลน์ของจีนในตลาดออนไลน์ของไทยด้วย และ 2) หาวิธีการลดต้นทุนค่าขนส่งสินค้าออกแบบรายกล่อง เพื่อส่งเสริมการส่งออกของผู้ประกอบการ SMEs, กลุ่ม OTOP และวิสาหกิจชุมชน”
ทางด้านนายปรัชญา สมะลาภา รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก หอการค้าไทย กล่าวว่า ปัญหาตลาดออนไลน์นี้จะมีการนำเสนอในที่ประชุมหอการค้าไทยในต้นเดือนตุลาคมนี้เพื่อเสนอให้หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาทางแก้ไข