“โรงงานไม้ยาง” ตรังทรุดปิดกิจการ จี้รัฐส่งเสริมแปรรูปครบวงจร

ภาคอุตสาหกรรมไม้ยางพาราตรังทรุด ชี้มาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลไม่ช่วยให้ราคายางดีขึ้น มีแต่ฉุดเศรษฐกิจให้ดิ่ง แนะควรส่งเสริมอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพาราส่งออกอย่างจริงจัง จึงจะช่วยให้เกิดความมั่นคงในอาชีพได้

นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สถานการณ์ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับยางพาราของจังหวัดตรังโดยภาพรวมอยู่ในภาวะชะลอตัว ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมน้ำยางสด ยางแผ่น หรือแม้กระทั่งไม้ยางพาราแปรรูป ยอดการขายตกลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไม้ยางพารากำลังประสบปัญหาวิกฤตมาก ผู้ประกอบการหลายรายทั้งรายเล็กและรายใหญ่ล้วนมีตัวเลขการส่งออกที่ลดลง ต้องตระเวนหาตลาดกันทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศเพื่อส่งออกสินค้าที่ค้างสต๊อกกันอยู่เป็นจำนวนมาก

นายชัยวุฒิเปิดเผยต่อไปว่า ทั้งนี้ ปัญหาเนื่องจากตลาดคู่ค้าโดยเฉพาะจีน ชะลอการนำเข้าไม้ยางพาราจากประเทศไทย ประกอบกับทางอเมริกาและยุโรปก็ชะลอการนำเข้าสินค้าจากไม้ยางพาราด้วย ทำให้ภาวะเศรษฐกิจโลกไม่ดี กำลังซื้อจากตลาดโลกยังไม่กระเตื้อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องเร่งหาตลาดเพื่อให้ธุรกิจอยู่รอด บางรายต้องหยุดกิจการโรงงานไม้ยางพาราออกไปโดยไม่มีกำหนด บางรายถึงขั้นประกาศขายกิจการก็มี โดยเฉพาะโรงงานที่ประกอบการในต่างจังหวัด

“การที่รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพารานั้น ในความเห็นของผมเองไม่ได้ช่วยให้ราคายางพาราเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด แม้ว่าเจ้าของสวนยางและคนกรีดยางจะมีรายได้จากการช่วยเหลือของรัฐบาล แต่ไม่ได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม เป็นการออกมาตรการที่ถือว่าไม่คุ้มกับเม็ดเงินที่ทุ่มลงไป เพราะความจริงแล้ว ราคายางพาราขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะที่รัฐบาลไทยมีปัญหาการค้าขายกับตลาดโลก จึงไม่สามารถส่งขายยางพาราได้ตามที่ควรจะเป็น ทำให้ราคายางยังไม่กระเตื้องขึ้น” นายชัยวุฒิกล่าว

นายชัยวุฒิกล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ราคายางพาราขึ้น นั่นคือการส่งเสริมอุตสาหกรรมการแปรรูปยางพาราให้มากกว่านี้ เพื่อให้สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์จากยางพาราไปต่างประเทศได้ เช่น การส่งเสริมการผลิตยางรถยนต์ ถุงมือยาง หมอน ที่นอน เป็นต้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้มีราคาที่ดี แทนที่จะส่งออกเฉพาะน้ำยางสด ยางแผ่น ที่เป็นวัตถุดิบต้นน้ำเท่านั้น หากรัฐบาลส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราแบบครบวงจรในประเทศก็จะเป็นการแก้ปัญหาราคายางพาราที่ได้ผลดีอย่างยั่งยืนต่อไปแน่นอน