“ตรังยูนนาน” รุกตลาด “โซลาร์รูฟท็อป”

“ตรังยูนนานฯ” ผนึกบริษัทโซลาร์เซลล์รายใหญ่ในจีน เตรียมรุกตลาดธุรกิจติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในพื้นที่จังหวัดตรัง ชูจุดเด่นเสนอราคาติดตั้ง 23,000 บาทต่อ 3 กิโลวัตต์

นายณัฐนนท์ โพธิเมธานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรังยูนนาน เอ็กปอร์ตแอนด์อิมปอร์ต จำกัด อ.เมือง จ.ตรัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ตรังยูนนาน เอ็กปอร์ตแอนด์อิมปอร์ตได้ลงนามเซ็นสัญญากับบริษัทผู้ผลิตกระแสไฟฟ้ารายใหญ่ในประเทศจีน เพื่อลงทุนดำเนินการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ในวงเงินลงทุนเบื้องต้นประมาณ 50 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายติดตั้งผลิตกระแสไฟฟ้าในครัวเรือนและอาคารบริษัท ห้างร้านต่าง ๆ ในพื้นที่ทั่วภาคใต้ โดยเฉพาะตามเกาะต่าง ๆ ที่ไฟฟ้ายังไม่เข้าถึง

ผนึกพันธมิตร – บริษัท ตรังยูนนาน เอ็กปอร์ตแอนด์อิมปอร์ต จำกัด อ.เมืองจ.ตรัง หาพันธมิตรทุนจีนร่วมทำธุรกิจติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป

โดยในส่วนของพื้นที่จังหวัดตรัง ปี 2563 มีเป้าหมายที่จะกระจายตามครัวเรือน บ้านเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่อยู่ห่างไกล รวมถึงบนเกาะกระดาน ที่คาดว่าจะมีการติดตั้งไม่ต่ำกว่า 30 แห่ง ซึ่งขณะนี้เริ่มเข้าไปวางแผนการติดตั้งในเบื้องต้นแล้ว โดยมีการเข้าไปให้คำแนะนำแก่ชาวบ้าน และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะราคาไม่แพงเพียงครัวเรือนละประมาณ 23,000 บาทต่อ 3 กิโลวัตต์ ก็ได้ใช้พลังงานไฟฟ้าสะอาด ประหยัดค่าใช้จ่าย มีจุดคุ้มทุนในระยะสั้น

การลงทุนในครั้งนี้ได้มีการนำเข้าอุปกรณ์โซลาร์เซลล์จากประเทศจีนทั้งหมด โดยในช่วงแรกจะมีทีมช่างวิศวกรลงมาช่วยในการให้คำแนะนำด้านการติดตั้งให้กับบริษัทตรังยูนนานฯ จากนั้นทีมช่างของบริษัทตรังยูนนานฯจะลงพื้นที่ไปติดตั้งตามอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ที่สนใจและติดต่อเข้ามา ซึ่งขณะนี้มีแล้วหลายราย เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและธุรกิจต่าง ๆ ให้กับประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการต่าง ๆ ตามแผนการจะขยายตลาดไปทั่วภาคใต้ เป็นการเปิดทางเลือกใหม่ในการเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าของผู้ประกอบการ ที่จะสามารถลดต้นทุนในครัวเรือนและกิจการได้เป็นอย่างดี” นายณัฐนนท์กล่าว

นายณัฐนนท์กล่าวต่อไปว่า นอกจากธุรกิจไฟฟ้าแล้ว ในปี 2563 นี้ทางบริษัทตรังยูนนานฯยังได้มีการทำสัญญานำเข้ารถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน อีกด้วย โดยจะเปิดตลาดในจังหวัดตรังก่อนในเบื้องต้น และจะขยายสาขาไปยังจังหวัดใกล้เคียงด้วย พร้อมกันนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงกับกลุ่มนักธุรกิจนำเข้าจากประเทศจีน เพื่อส่งออกข้าวจากประเทศไทยไปยังประเทศจีนด้วย ทั้งหมดนี้เป็นโครงการที่ตนมีเป้าหมายจะดำเนินการในปี 2563 ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นการเชื่อมสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจังหวัดตรังกับประเทศจีนได้เป็นอย่างดี และคาดว่าอนาคตธุรกิจน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน