สมชาย ทองคำคูณ ต่อยอด “กรีนบัส” สู่โมเดลธุรกิจใหม่

สัมภาษณ์

หากย้อนดูไทม์ไลน์ในช่วงระยะ 5 ปีที่ผ่านมา “กรีนบัส” ยักษ์ใหญ่แห่งวงการธุรกิจขนส่งรถโดยสารประจำทางสายเหนือ นำโดยแม่ทัพใหญ่ “สมชาย ทองคำคูณ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด ไม่เคยหยุดปรับตัว และสร้างแต้มต่อให้ธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง ในห้วงเวลาที่ธุรกิจรถโดยสารของประเทศไทยอยู่ในช่วงขาลง แต่ “กรีนบัส” ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ พร้อมมุ่งทรานส์ฟอร์มสู่องค์กร “smart” แตกไลน์ต่อยอดสู่โมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ ๆ

ระดมทุนตลาดหลักทรัพย์ฯปี’64

สมชายบอกว่า ช่วงระยะ 3 ปีที่ผ่านมา กำลังซื้อของผู้โดยสารแผ่วลง อัตราการเดินทางลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ตัวเลขยอดขายปี 2562 ลดลง 8-9% รายได้อยู่ที่ 420 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา ภาพรวมผลประกอบการเติบโตประมาณ 1% ยังมีกำไร แต่ค่อนข้างน้อย

“แม้กำไรและรายได้ลดลง แต่รถโดยสารประจำทางยังคงเป็นธุรกิจหลัก (core business) การเติบโตเพียง 1% แสดงให้เห็นว่า ยังมีการเดินทาง ยังมีคนใช้บริการรถโดยสารอยู่ ดังนั้น เราจะต่อยอด core business ไปสู่ธุรกิจใหม่ ๆ ที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เพื่อเติมกำไร และในปี 2564 คาดว่าพร้อมจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำให้สามารถขยายการลงทุนในธุรกิจที่ต่อยอดจากรถโดยสารได้มากขึ้น”

สมชายกล่าวว่า หนึ่งในแผนทำกำไรให้เพิ่มขึ้นในปี 2563 คือ การขยายเส้นทางเดินรถจากภาคเหนือลงภาคใต้ 3 เส้นทาง ได้แก่ เชียงใหม่-กระบี่, เชียงราย-กระบี่ และแม่สอด-ภูเก็ต โดยจะลงทุนซื้อรถบัสใหม่ 15 คัน เส้นทางละ 5 คัน มูลค่าการลงทุน 90 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการพร้อมกันได้ไตรมาส 4

ทั้งนี้การเปิดเส้นทางใหม่ลงสู่ภาคใต้ เป็นการเชื่อมโครงข่ายเส้นทางเมืองท่องเที่ยวหลักเข้าหากัน ขณะเดียวกันมีกลุ่มลูกค้ากลุ่มหลักคือ แรงงานเมียนมาที่ทำงานในจังหวัดภูเก็ตมากกว่า 300,000 คน ซึ่งจะเดินทางระหว่างแม่สอด-ภูเก็ตเป็นประจำและต่อเนื่อง โดยรายได้ต่อเส้นทางอยู่ที่ราว 8 ล้านบาท มีต้นทุนค่าใช้จ่ายต่อเส้นทางอยู่ที่ 28%

ปัจจุบันกรีนบัสมี 4 เส้นทางคือ ภาคใต้และอีสาน ได้แก่ เชียงใหม่-ภูเก็ต, เชียงราย-ภูเก็ต, พิษณุโลก-ท่าเรือดอนสัก (สมุย) และแม่สาย-บึงกาฬ ซึ่งทุกเส้นทางมีอัตราการเดินทางลดลง และมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะผู้โดยสารกลุ่มหลักคือ กลุ่มธุรกิจสวนยาง หายไปค่อนข้างมาก เนื่องจากราคายางตกและสถานการณ์ยางที่ชะลอตัว

“เราเดินหน้าต่อในเส้นทางภาคใต้และอีสาน เพราะเชื่อว่าการเดินทางลดลงเป็นผลกระทบระยะสั้น ๆ ตัวเลขอัตราการบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยหรือ load-factor ทั้ง 4 เส้นทางอยู่ที่ 80% ทั้งภาคใต้และอีสานยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ทั้งการขนคนและขนของ โดยจะปรับรถจากเดิม 33 ที่นั่ง เป็น 24 ที่นั่ง จะช่วยลดต้นทุนได้มาก”

ชูที่ 165 ไร่สู่ Rest AreaStation

สมชายบอกว่า อีกแผนงานสำคัญในปี 2563 คือ การสร้างธุรกิจใหม่ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับรถโดยสาร เป็นการต่อยอดธุรกิจ โดยจะนำที่ดินเก่าเก็บที่มีอยู่หลายจังหวัด 165 ไร่ มาพัฒนาเพื่อให้ได้ธุรกิจใหม่ ๆ แบ่งเป็นจังหวัดเชียงใหม่มี 35 ไร่ เชียงราย 20 ไร่ แม่สาย 15 ไร่ เชียงของ 5 ไร่ น่าน 10 ไร่ แม่ขะจาน 80 ไร่ ขณะนี้ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ มาทำการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการว่าที่ดินแต่ละจุดมีความเหมาะสมจะลงทุนในรูปแบบไหน และมีโอกาสทางการตลาดอย่างไร

“โครงการแรกจะเริ่มที่เชียงใหม่จะพัฒนาที่ดิน 5 ไร่บนถนนสายเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด-เชียงราย (บริเวณใกล้เคียง asap เชียงใหม่) ทำโครงการคอมมิวนิตี้มอลล์ ซึ่งจากผลการศึกษา เรามองเห็นโอกาสทางการตลาดว่าเป็นไปได้สูง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ที่ชอบความทันสมัยและสะดวก เราจะลงทุนเรื่องฮาร์ดแวร์ โครงสร้างพื้นฐาน ส่วนการบริหารจัดการและการตลาด ให้ทีมที่ปรึกษาเป็นผู้ดำเนินการ เพราะไม่ถนัดและไม่เชี่ยวชาญ คาดว่าจะเริ่มลงมือประมาณไตรมาส 3-4 ปีหน้า”

นอกจากนี้ แผนงานหลักต่อเนื่องที่จะเกิดขึ้นในปี 2564 คือ การลงทุนทำโครงการ rest area และ station บนที่ดินที่มีอยู่ในภาคเหนือ ซึ่งผลการศึกษาจะชี้ได้ชัดว่า ที่ดินแต่ละแห่งมีความเหมาะสมที่จะทำโครงการประเภทไหน เช่น ที่ดินที่แม่ขะจาน 80 ไร่ อาจทำเป็นจุดแวะพักรถโดยสารระหว่างทาง (rest area) ที่จะให้บริการรถโดยสารของกรีนบัส และบริการสำหรับคนทั่วไป มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านของฝาก ครบวงจร หรือที่ดินที่เชียงราย 20 ไร่ อาจทำเป็นสถานี (station+plaza) เป็นต้น

“เราต้องการนำแอสเซตที่ดินที่มีอยู่มาเพิ่มมูลค่า สร้างตะกร้าธุรกิจใบใหม่ขึ้นมาอีกใบ ที่เกื้อหนุนธุรกิจหลักที่ทำอยู่คือรถโดยสาร การมี rest area และ station จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้สูงขึ้น เป็นเทรนด์ที่เราต้องดูแลนักเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การเดินทางของกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถโดยสารกรีนบัส ผู้โดยสารไม่ได้ต้องการเดินทางอย่างเดียว แต่ต้องการบริการอื่น ๆ ที่มากกว่า ซึ่งจะทำให้การเดินทางมีความสะดวกและสนุกมากขึ้น เป็นการเพิ่มตลาดการเดินทางรถโดยสารได้มากขึ้นในอนาคต”

 

แตกไลน์ธุรกิจ Hop-on Hop-off

การเข้าสู่ไลน์ธุรกิจท่องเที่ยวของ “กรีนบัส” เป็นอีกหนึ่งแผนงานสำคัญ “สมชาย ทองคำคูณ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ชัยพัฒนาขนส่งเชียงใหม่ จำกัด บอกว่า จะเริ่มขับเคลื่อนจริงจังในปี 2563 เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ที่มีจุดขายเด่นชัดคือ รถบัสบริการนำเที่ยวซิตี้ทัวร์ (Hop-on Hop-off) ในจังหวัดเชียงใหม่ และนำเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง และแหล่งท่องเที่ยว eco จากแนวโน้มการเข้ามาของนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง (FIT) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปีในจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มองเห็นโอกาส และเป็นการปรับตัวเพื่อให้สอดรับกับความต้องการและทิศทางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมนักท่องเที่ยว ขณะที่ GPP ของเชียงใหม่ เป็นสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 50% แนวโน้มของนักท่องเที่ยวกลุ่ม back pack มีมากขึ้น การเข้ามาจับธุรกิจ Hop-on Hop-off สามารถตอบโจทย์นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้

“เบื้องต้นจะลงทุน 40 ล้านบาท ซื้อรถบัสใหม่ 10 คัน เป็นรถกึ่ง low-floor ไซซ์ 10 เมตร ตอนนี้กำลังทำเส้นทาง โดยประสานหน่วยงานภาครัฐและชุมชนในแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ คาดว่าภายในปี 2563 จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ”

สมชายบอกอีกว่า การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วด้วยเทคโนโลยี ส่งผลให้ภาคธุรกิจต้องเร่งวางกลยุทธ์ในการปรับเปลี่ยนองค์กร ซึ่งกรีนบัสได้เริ่มทรานส์ฟอร์มมาอย่างต่อเนื่อง เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน อยู่กับออนไลน์ อยู่กับสมาร์ทโฟน จึงมุ่งสู่ฐานตลาดออนไลน์มากขึ้นในทุก ๆ ช่องทางในสัดส่วน 50% ทั้งแอปพลิเคชั่น เว็บไซต์ และตัวแทนขายในต่างประเทศ และอีก 50% ยังเป็นการซื้อขายตั๋วที่ shop ของกรีนบัส

“เป้าหมายตอนนี้คือ ทำให้องค์กรสมาร์ท เรามีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ค่อนข้างมาก การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ไม่ใช่แค่ใช้เทคโนโลยี แต่คนในองค์กรทุกส่วนต้องทรานส์ฟอร์มด้วย ตั้งแต่ระดับบริหารจนถึงคนขับรถและบัสโฮสเตส ซึ่งทุกส่วนงานเรานำเทคโนโลยีเข้ามาใช้”

การปรับตัวของกรีนบัส ยึดโยงในสองสิ่งสำคัญคือ มองหาโอกาส และสร้างโอกาส ซึ่งเมื่อมองหาโอกาสใหม่ ๆ แล้วเห็นโอกาสนั้น ถ้าทำเองได้ทำ หรืออาจร่วมมือกับพันธมิตรที่เชี่ยวชาญ เช่น การเตรียมลงทุนทำคอมมิวนิตี้มอลล์ ถือเป็นการสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ แม้ไม่เคยทำมาก่อนและไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ ต้องหาพันธมิตรมาร่วมสร้างโอกาสด้วยกัน การมองหาโอกาสและสร้างโอกาส เป็น 2 คำสำคัญที่จะมาเติมกำไรให้กับ “กรีนบัส” ที่ตั้งเป้าทำรายได้แตะ 500 ล้านบาทในปี 2563


เป็นการปรับและเปลี่ยนของธุรกิจขนส่งรถโดยสารประจำทาง ที่แม้โลกธุรกิจจะเข้าสู่ยุคดิสรัปชั่น แต่การปรับตัวอยู่ตลอดเวลาของ “กรีนบัส” เป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อก้าวรุกสู่การเติบโต ที่ได้วาง milestone ทางธุรกิจไว้ว่าจะก้าวข้ามสู่ธุรกิจขนส่งมวลชนระบบรางในอีก 20 ปีข้างหน้า