ตรังทุ่ม120ล้านบูม ‘วังผาเมฆ’ เปิดแหล่งท่องเที่ยวรับปีใหม่’63

ตรังบูมท่องเที่ยวชุมชน ทุ่มกว่า 120 ล้าน เนรมิตวังผาเมฆ เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ สัมผัสทะเลหมอก อากาศเย็นยามเช้า คล้ายภาคเหนือ

นายวีระ แสงแก้ว นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วังมะปราง ต.วังมะปราง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้ อบต.วังวิเศษได้ดำเนินการพัฒนาวังผาเมฆ ในพื้นที่ ต.วังมะปรางเหนือ ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัดตรัง โดยการของบประมาณทั้งจากกลุ่มจังหวัดอันดามัน งบฯพัฒนาจังหวัดตรัง ประมาณ 120 ล้านบาท จัดทำโครงการพัฒนา 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการติดตั้งไฟฟ้าแสงสว่าง โครงการก่อสร้างถนนเข้าไปยังแหล่งท่องเที่ยว และการปรับภูมิทัศน์บริเวณแหล่งท่องเที่ยววังผาเมฆ ซึ่งขณะนี้โครงการทั้งหมดดำเนินการแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวแล้ว โดยคาดว่าในช่วงปีใหม่นี้จะมีนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก

นายวีระเปิดเผยต่อไปว่า วังผาเมฆเป็นแหล่งท่องเที่ยวในชุมชนวังมะปรางมานานแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้มีการพัฒนาให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ดังนั้นทาง อบต.จึงเสนอโครงการพัฒนาวังผาเมฆขึ้น ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยววังผาเมฆ จะได้ชมทะเลหมอกบนยอดเขาในช่วงเช้า ซึ่งบรรยากาศจะเย็นสบายไม่แพ้ภาคเหนือ ในส่วนของด้านล่างจะมีพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ โดยมีรูปปั้นไดโนเสาร์หลากหลายชนิด พร้อมกันนี้ยังมีประติมากรรมมากมายหลายชนิด ทั้งประติมากรรมสัตว์ป่า ประติมากรรมปูเปี้ยวซึ่งเป็นปูประจำถิ่นของวังผาเมฆ ประติมากรรมสมเสร็จ ช้าง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีประติมากรรมเกี่ยวกับยางพารา ลูกสะบ้า ลูกสะตอ ลูกเนียง ประติมากรรมปลาพื้นถิ่นนานาชนิด และลานน้ำตกเทียมที่สวยตระการตา สร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

“สำหรับวังผาเมฆนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง ที่ผู้คนมักจะแห่กันมาชมทะเลหมอกในยามเช้า สามารถสัมผัสกับความหนาวเย็นได้คล้ายกับภาคเหนือ การเดินทางจะอยู่ห่างจากตัวเมืองตรัง ประมาณ 37 กิโลเมตร มีความสูง 1,600 เมตร จากระดับน้ำทะเล หากมองจากจุดชมวิวในวันฟ้าเปิด ทางทิศตะวันตกจะมองเห็นทะเลอันดามัน โดยเฉพาะเขาเมง หาดปากเมง หาดราชมงคล และเกาะต่าง ๆ ในทะเลจังหวัดตรัง และจังหวัดกระบี่ และทางทิศตะวันออกจะเห็นตัวเมืองตรังได้อย่างชัดเจน วังผาเมฆอยู่ในเขตป่าสงวน ป่าสายควน และเกาะอ้ายกลิ้ง และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าและตกยามเย็น ชมวิวมุมสูงและชมทะเลหมอกในช่วงฤดูฝน หรือวันฝนตกนอกฤดูกาล”

ตอนนี้ได้เตรียมความพร้อมทั้งลานจอดรถ ห้องน้ำ สถานที่ต่าง ๆ พร้อมหมด โดยช่วงนี้อากาศจะเริ่มเย็นสบาย สำหรับจุดเด่นนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อยากจะสัมผัสอากาศบนยอดเขา ซึ่งเป็นจุดชมวิวสะพานสกายวอล์ก ชมทะเลหมอกด้านบนยอดเขา โดยมีตารางให้นักท่องเที่ยวชมได้ตั้งแต่เวลา 04.30 น. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ระยะทาง 600 เมตร จะชมทะเลหมอกตั้งแต่เวลา 05.30 น. ไม่เกิน 9 โมงเช้า ส่วนในช่วงค่ำสามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ตกได้อีกด้วย

ส่วนจุดที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ มีการจัดสวนดอกไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ มีน้ำตกให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัส ซึ่งจะมีทั้งประติมากรรมไดโนเสาร์ ประติมากรรมสัตว์ป่า สะพานชมศึกษาธรรมชาติในพื้นที่ทั้งหมด 100 ไร่ ทั้งนี้ ในวันหยุดราชการ เสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวต่อวัน 500-600 คน ในส่วนวันธรรมดาประมาณ 100-200 คน ในเรื่องของการเดินทางค่อนข้างสะดวกมากขึ้น เพราะมีการสร้างถนนลาดยางขึ้นไปจนถึงจุดท่องเที่ยวทั้งหมด