ตลาดรถมือสองซมพิษเศรษฐกิจ-พืชผลราคาตก

กระทบ - ค่าเงินบาทแข็งทำให้ส่งออกไม่ดี ตลาดรถยนต์ได้รับผลกระทบจนยอดขายลดลง ภาพรวมของปี 2562 ทรงตัวและไม่เติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ผู้ประกอบการชี้ตลาดรถยนต์มือสอง มูลค่า 1.45 แสนล้านบาทซบ คาดทั้งปีไม่เติบโตตามคาดการณ์ไว้ 5-7% เหตุผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนสูง แบงก์ปล่อยกู้ยาก ค่าเงินบาทแข็ง เผยตลาดใต้-อีสาน รายได้เกษตรลด-ภัยแล้ง เฉพาะ “อุบลราชธานี-ศรีสะเกษ-ยโสธร-อำนาจเจริญ” เริ่มฟื้นตัวบางพื้นที่หลังน้ำท่วม

นายวิสุทธิ์ เหมพรรณไพเราะ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ของรถยนต์มือสองทั่วประเทศในครึ่งปีแรกของปี 2562 ยังดีและเติบโตต่อเนื่องและน่าจะเติบโต ประมาณ 5-7% จนมาถึงช่วงไตรมาส 3 ตลาดเริ่มหดตัวและร่วงลงมาอย่างชัดเจน เพราะสภาพหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น ส่งผลให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อค่อนข้างยาก รถยนต์มือสองจึงหมุนเวียนได้ช้าและไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ภาพรวมของปี 2562 จึงน่าจะทรงตัวและไม่ได้เติบโตเลยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยปี 2561 มูลค่าการซื้อขายรถยนต์มือสองอยู่ที่ประมาณ 145,000 ล้านบาท

ขณะที่กำลังซื้อของผู้บริโภคและการใช้จ่ายภาคครัวเรือนมีปัจจัยหลักมาจากภาวะเศรษฐกิจ อินเวสต์เมนต์หรือการลงทุนของภาครัฐในโครงการต่าง ๆ ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ จะกระจุกตัวและส่งผลดีต่อกลุ่มบริษัทใหญ่เท่านั้น ไม่ได้กระจายตัวลงมาถึงกลุ่มฐานราก เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คือ หนึ่งในปัจจัยที่จะขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ได้ แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งไม่ใช่ภาพใหญ่ทั่วประเทศที่จะทำให้เกิดความเชื่อมั่น และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคล่าสุดก็ต่ำสุดในรอบ 36 เดือน ฉะนั้นหากต้องการให้ผู้คนมีกำลังซื้อและให้เศรษฐกิจเติบโต ต้องสร้าง SMEs ให้แข็งแรง

ทั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดรถมือสองเติบโตในภาคตะวันออกโดยเฉพาะพื้นที่ EEC แต่อยู่ในลักษณะการปั่นกระแสให้เกิดฟองสบู่ในภูมิภาคเดียว ส่วนภูมิภาคอื่นที่มีภาคเกษตรกรรมยังไม่ดีขึ้น เฉลี่ยมากถึง 80% ปัจจุบันตลาดใหญ่ยังเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล ขณะที่ตลาดในพื้นที่ภาคใต้ตกต่ำมานานหลายปี เพราะรายได้หลักมาจากด้านเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งตัวเลขทรงตัวและยังไม่ฟื้นตัว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเช่นเดียวกัน จะเห็นความเคลื่อนไหวชัดเจนมากในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐาน บางธุรกิจจะเป็นการซื้อมาขายไป เกษตรกรฐานรากยังไม่มีความแข็งแรง และภาคเหนือนักท่องเที่ยวปริมาณลดลงมาก รายได้กับกำลังซื้อของผู้คนลดลงตามไปด้วย

“ปัจจุบันค่าเงินบาทของไทยยังแข็งค่าแข่งขันกับคนอื่นค่อนข้างยาก ยังต้องอาศัยการท่องเที่ยว หนี้ครัวเรือนยังมีให้เห็นอยู่ 70-80% คาดการณ์ว่าตลาดรถมือสองปีหน้าไม่ดี และน่าจะลำบาก ธุรกิจอาจจะมีสภาพฝืดเคืองบ้าง เพราะเรายังต้องอาศัยสินเชื่อรถยนต์อยู่ประมาณ 90-95% ถ้าแบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อ หรือสถานการณ์ยังเป็นเช่นเดียวกับครึ่งปีหลังของปีนี้ก็เหนื่อย ส่วนตัวเลขของตลาดในภาพรวมของปีนี้น่าจะบอกได้ประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2563 และสามารถประเมินสถานการณ์ของตลาดได้ทั้งหมด”

นายสมชาติ พงคพนาไกร กรรมการผู้จัดการ เชฟโรเลตเจริญชัย คูโบต้าเจริญชัย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สำหรับภาคอีสานตลาดรถยนต์เริ่มดีขึ้นในบางพื้นที่ อย่างโซนปลูกข้าว หรือพื้นที่ซึ่งเคยเกิดน้ำท่วมมีความอุดมสมบูรณ์มาก เช่น อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร อำนาจเจริญ ฉะนั้นราคาข้าวจึงทำให้ภาคเกษตรมีกำลังซื้อมากขึ้น ต่างจากพื้นที่ซึ่งประสบภัยแล้ง ผลผลิตทางการเกษตรน้อยอย่าง บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครราชสีมา นอกจากนี้ยังมีปัญหา SMEs และแรงงานภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกทำให้ค่าแรงลดลง กำลังซื้อกลุ่มนี้จึงมีปัญหา

“อย่างไรก็ตาม ผมยังเชื่อว่าถ้าภาคเกษตรดีก็ยังพอไปได้ ถ้าเกษตรกรดีอย่างในบางพื้นที่กำลังซื้อรถยนต์จะกระเตื้องขึ้นมา ไม่เว้นแม้แต่รถแทรกเตอร์ก็ยังขายดี ส่วนภาพใหญ่ที่ค่าเงินบาทแข็งทำให้ส่งออกไม่ดีก็ได้รับผลกระทบหนัก ยอดขายในกลุ่มนี้ลดลง โดยเฉพาะกรุงเทพฯและปริมณฑล หรือภาคตะวันออก ส่วนในภาคอีสานไม่น่าจะกระทบมากนัก”