คิกออฟกองทุนหมู่บ้านละ 2 แสน 1.4 หมื่นล้าน

วันที่ 8 มกราคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และนายนที ขลิบทอง ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ร่วมกันแถลงข่าวแนวทางการดำเนินโครงการพักชำระหนี้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามความสมัครใจ ภายใต้โครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (หมู่บ้านละ 200,000 บาท) ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2563

นายกอบศักดิ์กล่าวว่า สมาชิกกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมืองที่อยู่ในข่ายได้รับการพิจารณาพักชำระหนี้มีคุณสมบัติดังนี้ 1.เป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมืองในกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมืองที่สมัครใจเข้าร่วมโครงการ 2.มีประวัติการชำระหนี้ดี 3.กรณีมีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ สามารถเข้าร่วมโครงการได้ หากปรากฏว่ามีเหตุสุดวิสัย ที่ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดโดยสุจริต ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองพิจารณาเป็นรายไปและ 4.ต้องจัดทำแผนการออมเงินและแผนฟื้นฟูศักยภาพการประกอบอาชีพเดิมหรืออาชีพเสริม  ทั้งนี้ การพักหนี้ให้พักชำระเงินต้นในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยให้ส่งเฉพาะดอกเบี้ย

นายนทีกล่าวว่า ปัจจุบันมีกองทุนหมู่บ้านและกองทุนชุมชนเมืองจำนวน 79,598 แห่ง สมาชิก 13 ล้านคน โดยโครงการหมู่บ้านละ 2 แสนบาททันทีที่ระเบียบโครงการได้รับการอนุมัติโดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประธานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติลงนามภายในสัปดาห์นี้เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาเพื่อพิจารณาข้อเสนอโครงการต่อไป คาดว่าเงินก้อนแรกจะถึงมือสมาชิกกองทุนภายในเดือนมกราคมนี้ หรือ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ทั้งนี้ ครม.ไม่ได้มีมติให้ยุติโครงการปี 59-61 แต่ให้ดำเนินการต่อ โดยให้เป็นอำนาจการอนุมัติของคณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ

นายนทีกล่าวว่า คาดว่าจะมีมูลหนี้ประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาทที่จะเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ของบัญชีกองทุนทั้งหมด 1.5 แสนล้านบาท ยืนยันว่าไม่ทำให้กองทุนฯขาดสภาพคล่อง เพราะพักเฉพาะเงินต้น และในอนาคตจะมีมาตรการสำหรับลูกหนี้ประวัติการชำระหนี้ดี โดยการลดดอกเบี้ย

“สิ่งที่คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านกังวลกรอบโครงการที่จะนำเสนอรอบที่ 4 นี้ หวังว่าโครงการเหล่านี้จะไม่ทำให้เกิดความผิดหวังเหมือนที่ทำมา 3 ปีมาแล้ว เราจะไม่ทิ้งโครงการเก่า เพราะประสบความสำเร็จมาพอสมควรแล้วและต้องทำให้ต่อเนื่องต่อไป เนื่องจากเป็นผลงาน เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของชาวกองทุน”

“โครงการที่เกิดขึ้น ขอให้เชื่อมโยงกับโครงการเก่าที่ได้ดำเนินการไว้ เมื่อโครงการเก่าสมบูรณ์แล้ว โครงการใหม่ก็จะสามารถดำเนินโครงการได้ สิ่งที่จะทำให้สองโครงการหมู่บ้านละ 2 แสนบาทผูกพันกันได้กับโครงการพักชำระหนี้ เพื่อให้เกิดสภาพคล่องของกองทุนฯและช่วยเหลือสมาชิกให้พ้นภาระการเป็นหนี้ได้ ต้องสนับสนุนกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันได้ โดยให้สมาชิกที่พักชำระหนี้เข้าร่วมโครงการหมู่บ้านละ 2 แสนบาทด้วย”

นายนทีกล่าวเพิ่มเติม สำหรับแนวคิดของนายสมคิดที่ต้องการให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมมือกับสทบ. เพื่อต่อยอดจากการให้สินเชื่อ อบรมพัฒนาให้กับสมาชิกกองทุน โดยเฉพาะกองทุนฯที่มีความพร้อมและมีความเข้มแข็งให้เป็นกลไกสร้างชุมชน สร้างสุข เพื่อให้เกิดความยั่งยืน ใช้กองทุนฯ เป็นกลไก ทำให้ ธ.ก.ส.มั่นใจยิ่งขึ้น แทนการปล่อยหนี้เป็นรายบุคคล โดยผ่านกองทุนฯ ไปปล่อยต่อ

นายกอบศักดิ์กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาได้หารือกับญี่ปุ่นและนิวซีแลนด์ เพื่อสนับสนุนชุมชนที่มีผู้นำและเข้มแข็ง โดยร่วมมือกับเจโทรเพื่อจับคู่ (Matching) ชุมชนเข้มแข็งของญี่ปุ่น รวมถึงชุมชนปศุสัตว์นิวซีแลนด์ ชุมชนกับชุมชนเพื่อเป็นต้นแบบ