หลากหลายธุรกิจในปัจจุบัน เรียกได้ว่าแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งรายเล็กรายใหญ่ ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนผู้ประกอบการยิ่งต้องดิ้นรนยืนหยัดและปรับตัวสุดกำลัง แต่มีไม่น้อยที่สามารถฉีกกฎแตกไลน์จากอดีตหาจุดเปลี่ยนดึงความแตกต่างทางแนวคิดออกมาสู่ตลาด
“นนทิกานต์ อัศรัสกร” หรือ “คุณแป้ง” ลูกสาวคนที่ 3 ของคุณพ่อ “วิชัย อัศรัสกร” รองประธานกรรมการหอการค้าไทย นับเป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจสาวรุ่นใหม่ วัย 26 ปี ที่ก้าวเข้าธุรกิจครอบครัวต่อยอดและพัฒนาจนไปสู่สนามแข่งระดับประเทศ
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ราคาทองวันนี้ (17 เม.ย. 67) ปรับ 8 ครั้ง ขึ้น 450 บาท รูปพรรณบาทละ 42,150 บาท
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
ด้วยการนำธุรกิจที่ทำอยู่ส่งเข้าประกวดโครงการ YEC Pitching 2019 โดยการนำวัสดุเหลือใช้มาทำเป็น “พวงหรีด” สร้างดีไซน์ใหม่ให้มีความโมเดิร์นและทันสมัย จนคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 2 จากโครงการ YEC มาได้ สมกับที่ร่ำเรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์อินเตอร์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
“คุณแป้ง” ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษ กับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ปัจจุบันเป็นสมาชิก YEC กรุงเทพฯ (Young Entrepreneur Chamber of Commerce : YEC) โดยพี่ชายอยู่ในโครงการ YEC อยู่ก่อนแล้ว ส่วนคุณพ่อทำงานอยู่ในหอการค้าไทย จึงสนใจโครงการดีๆ ต่างๆ ของทางหอการค้าและสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมช่วยงานในหอการค้าไทยได้ นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ทำให้มีคอนเน็กชั่นคอยส่งเสริมและสนับสนุนให้กับธุรกิจมากยิ่งขึ้น จริง ๆ แล้วพึ่งจะเข้ามาเป็นสมาชิกได้ไม่ถึงปี เพราะเข้าร่วมเมื่อกลางปี 2562 เป็นจังหวะเดียวกันที่ทำ “พวงหรีดเสื่อ” ได้ประมาณ 2-3 เดือน แล้วทางหอการค้ามีการจัดประกวดกิจกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน (circular economy) ขึ้นมา และรู้สึกตรงกับคอนเซ็ปต์ที่ทำจึงนำผลงานส่งเข้าประกวด
โดยผลงานที่ส่งเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ได้แนวคิดมาจากการต่อยอดจากธุรกิจของครอบครัวที่เป็นโรงงานผลิตเสื่อพลาสติก ในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด รักชาติพาณิชย์ ที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 49 ปี (2513) คุณแป้งและพี่ชายได้เริ่มจากการมีความคิดอยากนำเสื่อของตนเองที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิลอย่างขวดและหลอดมาต่อยอด มุ่งหวังที่จะขยายตลาดเพิ่ม จึงนำเสื่อมาพัฒนารูปลักษณ์ และคุณภาพที่ต่างจากเดิม โดยทำเป็นเสื่อปูพื้น กระเป๋า ตะกร้า จนล่าสุดที่ได้ไอเดีย มาเป็นพวงหรีด ที่เรียกว่าเป็น ‘พวงหรีดเสื่อผืนหมอนใบ’ โดยการนำเสื่อมาจับจีบขึ้นเป็นรูปทรงกลม และใช้อาสนะเสื่อบุฟองนำเป็นโครงด้านหลัง ที่ทางวัดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์การลดขยะพวงหรีดในปัจจุบัน
“แนวคิดในการนำเสื่อมาประกอบเป็นพวงหรีดไม่มีใครเคยทำมาก่อน เป็นการพัฒนาจากเสื่อปูพื้นทั่วไปของที่โรงงานทำอยู่แล้ว เริ่มจากเปลี่ยนฟังก์ชั่นการใช้งาน มาทำเป็นของใช้ต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น มีความโมเดิร์น คุณภาพดีขึ้น พัฒนาหน้าตาและลวดลาย จากเสื่อปูพื้นที่คนไทยคุ้นเคยกัน มาเป็น พรม ตะกร้า กระเป๋า ผนัง และล่าสุดต่อยอดเป็นพวงหรีดเสื่อ โดยเริ่มขายเมื่อเดือนกรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ปัจจุบันขายได้ 3-4 พวง/วัน ยอดขายต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 60-70 พวง ซึ่งตอนนี้มีบริการแค่ในเขตกรุงเทพฯค่ะ”
“คุณแป้ง” บอกว่า ที่ตัดสินใจส่งพวงหรีดเสื่อเข้าประกวดนั้น เพราะได้ใช้แนวคิดการนำพลาสติกที่ใช้แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ เพื่อยืดอายุการใช้งานไม่ให้เป็นขยะเร็ว ตามคอนเซปของโครงการ และการนำเสนอเกี่ยวกับการแก้ปัญหาขยะพลาสติก ฉะนั้น ผลงานที่ส่งเข้าประกวดอย่างพวงหรีดเสื่อแม้จะไม่ใช้นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีอะไรใหม่ แต่เป็นการช่วยให้วัสดุไม่เป็นขยะเร็วขึ้น ทำให้อายุการใช้งานพลาสติกยาวนานและทำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เพราะได้นำพลาสติกรีไซเคิลจากขวดหรือหลอดใช้แล้ว นำไปหลอมใหม่และทอเป็นเสื่อ ที่มีอายุการใช้งานนานถึง 8-9 ปี จึงเป็นการนำมาทำเป็นของใช้ที่จะเกิดประโยชน์อีกทางหนึ่ง
ปัจจุบันพวงหรีดเสื่อมีช่องทางการจำหน่ายหลากหลาย แต่ยังไม่ได้เข้าไปทำการตลาดกับทางวัด เพราะเกรงจะเป็นการดิสรัปต์ (disrupt) ตลาดพวงหรีดเดิม จึงไม่ได้เชิญชวนให้ทุกคนต้องเปลี่ยนจากการใช้พวงหรีดพัดลม ดอกไม้ หรือผ้าห่มมาเป็นพวงหรีดเสื่อ เพราะพวงหรีดแต่ละอย่างมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป เพียงมาเสนอเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ โดยไม่มุ่งหวังจะไปทำร้ายคนอื่นในตลาด
และทางพวงหรีดเสื่อของคุณแป้งยังมีการแบ่งรายได้ 100 บาทจากการจำหน่ายพวงหรีด บริจาคให้กับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เพื่อช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมต่อด้วย
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการทำตลาดและขายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก
สามารถติดต่อได้ที่ Facebook : ลฤก พวงหรีดเสื่อ และ Line : @agoradesignmat
และในปี 2563 จะมีการขยายออกไปให้มากขึ้นในต่างจังหวัด ซึ่งอนาคตมีแผนจะพัฒนารูปแบบและบริการมากขึ้นอีก ไม่เพียงแค่พวงหรีด แต่เป็นเสื่อที่สามารถเป็นมากกว่าเสื่อ เพื่อคงความเป็นเอกลักษณ์การทอของไทย และส่งเสริมการลดขยะเพื่อสิ่งแวดล้อม