กรมควบคุมโรค หารือผู้ว่าฯ ภูเก็ต ยกระดับ 3 คุมเข้มไวรัสโคโรน่า เหตุมีชาวจีนเดินทางเข้ามามากที่สุด

รองอธิบดีกรมควบคุมโรค บินด่วนประชุมร่วมผู้ว่าภูเก็ตยกระดับ 3 คุมเข้มข้นคุมโคโรน่าไวรัส เหตุมีชาวจีนเดินทางเข้ามามากที่สุด พร้อมเตรียมเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน 27 ม.ค. ด้านผู้ว่าฯภูเก็ตผนึกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว-ผู้ประกอบการโรงแรมต่างๆ บูรณาการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนาร่วมกัน

นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยนายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค, นายวงศกร นุ่นชูคันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต,นายธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต,แพทย์หญิงศิริลักษณ์ ไทยเจริญ ผู้อำนวย การสำนักงานป้องกันควบคุมโรค ที่ 11 จังหวัดนครศรีธรรมราชและนายแพทย์เฉลิมพงษ์ สุคนธผล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ร่วมประชุมติดตามการดำเนินงานพร้อมมอบนโยบาย แนวทางการปฏิบัติงานในการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ใหม่แก่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้การควบคุมป้องกันโรคเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 สายพันธุ์ใหม่ให้เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด สร้างความเชื่อมั่นให้กับ ประชาชนและนักท่องเที่ยว ณ ห้องประชุม โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต

นายภัคพงศ์ กล่าวว่าจังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนามาตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2563 โดยร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตและสำนักงานควบคุมโรคที่ 11 นครศรีธรรมราช กรมควบคุมโรค มี ทีมแพทย์และบุคลากรด้านสาธารณสุขปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง

“ที่ผ่านมา พบการนำเสนอข่าวที่เป็นเท็จไม่เกิดผลดีต่อจังหวัดภูเก็ต พื้นที่ที่ปฏิบัติการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนานั้นเป็นพื้นที่ปิดของท่าอากาศยานซึ่งมีกฎหมายบังคับ มีกฎระเบียบควบคุมการบันทึกภาพและเผยแพร่ภาพ ดังนั้น การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยและมาตรฐานของการท่าอากาศยานไทยและขององค์การอนามัยโลก ขอความร่วมมือทุกภาคส่วนในการกดไลค์กดแชร์ ข้อมูลที่เป็นจริงโดยต้องอ้างอิงจากข้อมูลของทางราชการ”

จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการรวบรวม ฐานข้อมูลภาพรวมของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ทั้งข้อมูลการเข้าพักการเดินทางต่อออกนอกประเทศ ซึ่งจังหวัดใช้ข้อมูลดังกล่าวในการบริหารจัดการและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาโดยจังหวัดภูเก็ตมีมาตรการควบคุมและการดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยวอย่างเข้มข้นตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก

โดยจังหวัดภูเก็ตต้องขอความร่วมมือกับสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว,ผู้ประกอบการโรงแรมต่างๆในการบูรณาการเพื่อการควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนาร่วมกันโดยเผยแพร่ข้อมูลประชาสัมพันธ์ให้แก่นักท่องเที่ยวที่พักในสถานประกอบการต่างๆหากผู้เข้าพักมีอาการไข้ขึ้นสูง ไม่สบาย ขอให้ประสานกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตหรือโรงพยาบาลของรัฐที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อก้าวสู่กระบวนการคัดกรองโรคทำการรักษาและเข้ามาอยู่ในความดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ซึ่งจะเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยควบคุมและป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาได้อีกทางหนึ่ง ” นายภัคพงษ์ กล่าว

ด้าน นายแพทย์ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประเทศไทย มีมาตรฐานในการป้องกันและควบคุมโรคอยู่ในอันดับ 6 ของโลกถือว่ามีขีดสามารถในการควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นที่ยอมรับขององค์การอนามัยโลก

โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตได้นำขั้นตอนตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลกมาใช้ในการปฏิบัติการควบคุมโรค สำหรับการยกระดับการควบคุมโรคระดับ 3 คือการปฏิบัติตามกระบวนการที่กระทรวงสาธารณสุขสั่งการจะเน้นการควบคุมโรคในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาในพื้นที่มากที่สุดและกำหนดให้ทุกจังหวัดมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรค

สำหรับแนวทางการสื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารจะเน้นการนำข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขโดยใช้กลไกของสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดภูเก็ตมาเป็นศูนย์กลางการกระจายข้อมูลข่าวสารเพื่อให้ข้อมูลมีความเป็นเอกภาพ รวมทั้งจะมีการวางแผนสำรองเวชภัณฑ์และยารวมถึงจะต้องมีนักกฎหมายเข้ามาให้คำปรึกษาในการปฏิบัติการทั้งในส่วนของท่าอากาศยานและสถานที่อื่นๆ

การปฏิบัติงานจะต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบและดูแลบุคลากรทางการแพทย์ที่เข้าไปปฏิบัติงานให้มีความปลอดภัยด้วย สำหรับระบบการคัดกรองและการติดตามนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่จะต้องดำเนินการอย่างดีที่สุดและใกล้ชิดเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวแต่การปฏิบัติการทุกขั้นตอนจะต้องอยู่ภายใต้การทำงานที่รอบคอบไม่สร้างความตื่นตระหนก

“ขอชื่นชมทีมปฏิบัติการของจังหวัดภูเก็ตที่มีความเข้มแข็งในการควบคุม เชื้อไวรัสโคโรนาที่มีประสิทธิภาพ สิ่งที่จะต้องระมัดระวังในการคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมินักท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกจะต้องมีการบริหารจัดการที่ดีและการประชาสัมพันธ์ที่ดีเพื่อให้การบริหารเวลาการเดินทางของนักท่องเที่ยวเป็นไปอย่างลงตัวและไม่ก่อให้เกิดปัญหานักท่องเที่ยวตกเครื่องหรือเกิดความล่าช้าในการทาง ” นายแพทย์ ปรีชา กล่าวและว่า

กระบวนการเก็บตัวอย่างสิ่งส่งตรวจ Nasopharyngeal swab, Throat swab และตัวอย่างเลือด จะส่งไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สถาบันบำราศนราดูรและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์สภากาชาดไทยตามกระบวนการการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคตามหลักมาตรฐานสากล เนื่องจากทั้ง3 สถาบันดังกล่าวเป็นแลปที่ได้รับการยอมรับและผ่านมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก

ด้านนายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์ใหม่ ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเป็นระดับ 3 เน้นการคัดกรองช่องทางเข้า – ออก ที่ท่าอากาศยาน ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ,ดอนเมือง,เชียงใหม่,ภูเก็ต,กระบี่
และเพิ่มการเฝ้าระวังที่โรงพยาบาลเตรียมความพร้อมสำหรับรับมือโรคติดต่ออุบัติใหม่ครอบคลุมระบบบริการสาธารณสุขทั้งภาครัฐเอกชนชุมชนแหล่งท่องเที่ยว โดยบูรณาการทำงานร่วมกับกระทรวงคมนาคม,กระทรวงต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ,กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม และจัดทำรายงานสถานการณ์ฉบับภาษาอังกฤษและใบความรู้ที่เกี่ยวข้องกับโรคในฉบับภาษาต่างประเทศเผยแพร่ทางเว็บไซต์กรมควบคุมโรคด้วย

“การเฝ้าระวังการคัดกรองผู้ป่วยในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตดำเนินการตั้งแต่วันที่ 5-25 มกราคม 2563 จำนวน 33 เที่ยวบิน 4,943 คน จำนวนนักบินและลูกเรือได้รับการคัดกรอง 107 คน ผลการตรวจคัดกรองพบผู้ที่เข้าเกณฑ์ตามนิยามจำนวน 14 ราย ผลการตรวจโรคยืนยันไม่พบเชื้อและให้กลับที่พักแล้วจำนวน 8 ราย
ส่วนอีก 6 ราย อยู่ระหว่างการรอผลการตรวจเลือด โดยได้เฝ้าระวังติดตามอาการในห้องแยกเชื้อโดยอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตจำนวน 4 ราย โรงพยาบาลป่าตอง 1 รายและโรงพยาบาลถลาง 1 รายโดยทั้ง 6 รายยังคงมีอาการปกติไม่พบอาการที่มีความรุนแรงหรือจำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ในส่วนการเตรียมการด้านบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมและชี้แจงมาตรการแนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวังสอบสวนป้องกันควบคุมโรคในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขดำเนินการสำรวจเตรียมความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อหรือทีมเฝ้าระวังสอบสวนควบคุมโรคทีมด้านการรักษาพยาบาลพิมพ์ส่งต่อผู้ป่วยและผู้เกี่ยวข้องของจังหวัดภูเก็ตและจะได้มีการซักซ้อมของทีมมีการทดสอบความพร้อมของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต

ด้านห้องแยกโรคและทีมดูแลผู้ป่วยได้มีการประสาน โรงพยาบาลของรัฐและเอกชนในพื้นที่เตรียมความพร้อมป้องคัดแยกโรค รวม 11 ห้อง อาทิ ที่ โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตมีห้อง AIR 2 ห้องพร้อมใช้,โรงพยาบาลถลางห้อง Modified 1 ห้องพร้อมใช้,โรงพยาบาลป่าตอง Modified 1 ห้อง พร้อมใช้ เป็นต้น

แผนปฏิบัติการคัดกรองและควบคุมเชื้อไวรัสโคโรนา ขณะนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตร่วมกับโรงพยาบาลภาครัฐเอกชนในพื้นที่ดำเนินการจัดทีมเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขวันละ 33 คนปฏิบัติหน้าที่ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต ตลอด 24 ชั่วโมง แบ่งเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 11 คน คือช่วงเช้า,ช่วงบ่ายและช่วงดึก โดยให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดประตูทางเข้า- ออก ท่าอากาศยานภูเก็ตทั้ง 6 ประตูเพื่อคัดกรองวัดอุณหภูมิ และวัดไข้ นักท่องเที่ยวทั้งขาเข้าและขาออกทุกราย ทั้งนี้หากพบมีอุณหภูมิสูงเกิน 38 องศาเซลเซียสจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อมูลและนำส่งโรงพยาบาลทันที

จังหวัดภูเก็ตจะมีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน ณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคม 2563 เป็นต้นไป โดยในทุกวันจะมีการสรุปผลการดำเนินงานปัญหาอุปสรรค ชี้แจง แถลงข่าวให้สื่อมวลชน และพี่น้องประชาชน ได้รับทราบ สถารการณ์ ในการดำเนินงานการควบคุม และ ป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา อย่างใกล้ชิด เกิดประสิทธิภาพอย่างสูงสุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่น สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในการรับมือ สถานการณ์ดังกล่าวด้วยการบูรณาการการทำงานทุกภาคส่วน “นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว กล่าว

และเย็นวันนี้นายภัคพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต จะมอบอุปกรณ์เครื่องเทอร์โมอินฟาเรด จำนวน 36 เครื่องให้แก่ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการตรวจวัดอุณหภูมิหรือวัดไข้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางทั้งขาเข้าและขาออก ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต