ชาวกระบี่ร้อง “รมต.ท็อป” ทบทวนผุดท่าเรือใหม่ ทำลายระบบนิเวศ “อ่าวโล๊ะซามะ-อ่าวมาหยา” พัง

หลังจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชประกาศปิดอ่าวมาหยา จ.กระบี่ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 61 โดยให้เหตุผลว่า ต้องการฟื้นฟูธรรมชาติบริเวณอ่าวมาหยา พร้อมกับเสนอเปิดอ่าวอีกครั้งในปี 2564 รวมถึงหาทางแก้ปัญหาเรื่องการเข้า-ออกอ่าว และมีการเสนอสร้างท่าเรือบริเวณ “อ่าวโล๊ะซามะ” ซึ่งอยู่ด้านหลังของอ่าวมาหยา พร้อมทั้งทำทางเดินเชื่อมต่อ 2 อ่าว จนเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 63 กลุ่มผู้ประกอบการ ชาวบ้าน และผู้นำท้องถิ่นบนเกาะพีพีคัดค้านไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กระบี่ว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค. 63 นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ ทส 0915.507/ ว 344 แจ้งไปยังชมรมเรือท่องเที่ยวบนเกาะพีพี ว่าจะมีการขนย้ายอุปกรณ์ในการก่อสร้างทางเดินยกระดับบอร์ดวอล์ก เชื่อมต่ออ่าวมาหยากับอ่าวโล๊ะซามะ รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกบนอ่าวมาหยา อาทิ ระเบียงชมหาด ที่นั่งพักผ่อน แยกเป็น 2 โครงการ ใช้งบประมาณก่อสร้างกว่า 17 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณอ่าวมาหยา งบฯ 6,060,000 บาท และโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ ก่อสร้างทางเดินยกระดับ ระเบียงชมวิว ม้านั่งอเนกประสงค์บริเวณอ่าวมาหยา งบประมาณ 11,580,000 บาท

หลังจากประกาศออกมา ชาวบ้านและผู้ประกอบการบนเกาะพีพีเกิดความแปลกใจ ซึ่งนายวรพจน์ชี้แจงว่า โครงการแรกบริเวณอ่าวมาหยาจะสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกจุดจอดรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ในบริเวณด้านหลังของอ่าวมาหยาหรืออ่าวโล๊ะซามะ โครงการที่ 2 สร้างทางเดินต่างระดับหรือสะพานทางเดิน ให้นักท่องเที่ยวได้เดินชมวิวของอ่าวมาหยา และจะไม่มีนักท่องเที่ยวเดินลงมาเหยียบย่ำตามชายหาดเหมือนที่ผ่านมา พร้อมกับจำกัดจำนวนเข้าชมของนักท่องเที่ยวเป็นรอบ ๆ รอบละไม่เกิน 375 คน ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการที่ปรึกษาการจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลทรงคุณวุฒิจำนวนหลายคน

โครงการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกบริการนักท่องเที่ยวบริเวณอ่าวมาหยา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้อนุมัติเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ ตามหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินรายได้เพื่อบำรุงรักษาอุทยานแห่งชาติ โดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินรายได้ ปีงบประมาณ 2562 ให้อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ดำเนินการตาม 2 โครงการ ได้แก่

1.โครงการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณอ่าวมาหยา งบประมาณ 6 ล้านบาทเศษ ก่อสร้าง 4 รายการ ได้แก่ บ้านพักเจ้าหน้าที่ 2 หลัง ห้องน้ำ-ห้องสุขาชาย 1 หลัง ห้องน้ำ-ห้องสุขาหญิง 1 หลัง อาคารรับประทานอาหาร 1 หลัง โดยสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5 (นครศรีธรรมราช) ได้ประกาศจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ได้ผู้รับจ้างได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เพชรสินนคร ก่อสร้าง ตามสัญญาจ้างเลขที่ 06/2563 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2562 งบฯตามสัญญา 6,060,000 บาท ระยะเวลาดำเนินงาน 330 วัน เริ่มสัญญาวันที่ 17 ธ.ค. 62 สิ้นสุดสัญญาวันที่ 10 พ.ย. 63

2.โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ ก่อสร้างทางเดินยกระดับระเบียงชมวิว พร้อมม้านั่งอเนกประสงค์ บริเวณอ่าวมาหยา งบฯ 12 ล้านบาทเศษ ก่อสร้างทางเดินยกระดับ กว้าง 1.2 เมตร และ 1.5 เมตร ยาว 554 ม. และระเบียงชมวิว 5 จุด พร้อมม้านั่งอเนกประสงค์ ผู้รับจ้าง ได้แก่ ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุชาติการโยธา ตามสัญญาจ้างเลขที่ 08/2563 ลงวันที่ 20 ธ.ค. 62 งบฯตามสัญญา 11,580,000 บาท ระยะเวลาดำเนินงาน 300 วัน เริ่มสัญญา 21 ธ.ค. 62 สิ้นสุดสัญญา 5 ต.ค. 63

“ปัจจุบันผู้รับจ้างทั้ง 2 โครงการได้เข้าพื้นที่แล้ว ในส่วนของการขนส่งวัสดุอุปกรณ์เข้าพื้นที่ ทางอุทยานฯได้มีการกำหนดเส้นทางขนส่งไว้แล้ว จะไม่กระทบต่อปะการังที่ได้ทำการปลูกฟื้นฟูและสิ่งแวดล้อม เมื่อเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปท่องเที่ยวในอ่าวมาหยาได้ จะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้าชมรอบละไม่เกิน 375 คน โดยประมาณ 7-8 รอบ/วัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการที่ปรึกษาการจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลแล้ว”

นายปิยะวัฒน์ ขุนบรรเทิง หนึ่งในผู้ประกอบการบนเกาะพีพี กล่าวว่า หากมีการใช้พื้นที่อ่าวโล๊ะซามะเป็นท่าเรือเข้าเที่ยวชมอ่าวมาหยา เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ โดยเฉพาะแนวปะการังใต้อ่าวโล๊ะซามะ ซึ่งเป็นปะการังน้ำตื้นที่ยังสมบูรณ์ นอกจากนี้จะเกิดปัญหาขยะจากทางเดินบอร์ดวอล์กในระยะทางหลายร้อยเมตร ยากต่อการดูแลรักษา ที่ผ่านมากลุ่มผู้ประกอบการและชาวบ้านเคยเสนอแนะให้กรมอุทยานฯ พิจารณาทบทวนโครงการดังกล่าว โดยเสนอให้มีการสร้างท่าเรือแบบลอยน้ำบริเวณด้านหน้าอ่าวมาหยาแทน และให้เรือรับส่งนักท่องเที่ยวบริเวณด้านหน้าอ่าวมาหยา แต่ห้ามเข้ามาจอดในบริเวณอ่าว โดยให้เลือกจุดที่ไม่กระทบต่อการฟื้นฟูปะการัง แต่ข้อเสนอแนะดังกล่าวไม่ได้รับการพิจารณา

ขณะที่ นายพันคำ กิตติธรกุล นายก อบต.อ่าวนาง กล่าวว่า ยอมรับว่าการดำเนินโครงการของกรมอุทยานฯ ตนและผู้บริหารท้องถิ่น รวมทั้งชาวบ้านในชุมชนไม่เคยรับทราบมาก่อน ที่ผ่านมาทาง อบต.อ่าวนางและชาวบ้านเกาะพีพีต่างยอมรับในการเข้ามาดำเนินการจัดระเบียบอ่าวมาหยา ด้วยการปิดอ่าวในช่วงโลว์ซีซั่นเพื่อให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว แต่สุดท้ายมีการปิดอ่าวโดยไม่มีกำหนด ทำรายได้ท้องถิ่นต้องขาดหาย และก่อนหน้านี้ได้เรียกร้องให้มีการติดตั้งทุ่นผูกเรือจำนวนมากหน้าอ่าวมาหยา เพื่อให้เรือได้ใช้จอด แต่ไม่เคยได้รับการตอบรับ จึงเกิดข้อข้องใจว่าทำไมอุทยานฯดำเนินการโดยไม่แจ้งให้ชาวบ้านในพื้นที่และท้องถิ่นรับทราบ เพราะโครงการดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ กระทบต่อชุมชน

ทั้งนี้ ปะการังใต้อ่าวโล๊ะซามะมีหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งปะการังอ่อน ปะการังแข็ง ดอกไม้ทะเล กัลปังหา และยังเป็นที่พักของสัตว์น้ำขนาดเล็ก โดยก่อนหน้านี้มีนักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำชมความงามของปะการังอย่างต่อเนื่อง และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาสัมผัสธรรมชาติอ่าวโล๊ะซามะต่างแสดงความไม่เห็นด้วย หากต้องใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นท่าเรือ เพราะเกรงจะทำลายทรัพยากรที่ยังเหลืออยู่ให้พังลงไปอีก พร้อมทั้งเรียกร้องให้กรมอุทยานฯทบทวนโครงการนี้อีกครั้ง พร้อมทั้งเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากชาวบ้านในพื้นที่ด้วย