“ผู้ว่าเมืองคอน” ยอมรับพบผู้ป่วยไวรัสโควิด-19 เป็นนักศึกษา 1 ราย สั่งงดจัดอีเว้นท์ทุกชนิด

ผู้ว่าเมืองคอนออกโรงเตือนระวังไวรัสโควิด-19 รับมีผู้ป่วย 1 คนถูกกักตัวแล้ว และสั่งการงดงานอีเว้นท์ทุกชนิด ขณะแพทย์พยาบาล รพ.ท่าศาลา และทีมซักประวัติผู้ป่วยกักตัวเองแล้ว

วันนี้ (6 มี.ค.63) นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดฯ ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีมีนักศึกษาไทยกลับจากประเทศอิหร่านติดโรคโควิด-19 ที่กำลังรักษาตัวที่ รพ.แห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ว่า หลังจากทราบผลการตรวจของผู้ป่วยแล้วก็ได้ทำการสอบสวนตั้งแต่อยู่ที่พักที่ กทม.การเดินทางด้วยรถโดยสาร รวมทั้งที่บ้านพักที่ จ.นครศรีธรรมราช แล้ว

ตอนนี้โรงพยาบาลในจังหวัดฯ พร้อมที่จะรับผู้ที่สงสัยให้แอดมิดได้เลย ส่วน รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช โรงพยาบาลหลักนั้นมีความพร้อมใลนการรับมือ ส่วนการตามรอยนักศึกษาที่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 ได้ดำเนินการครบถ้วนแล้ว

นายศิริพัฒ พัฒกุล กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ป่วยโรคโควิด-19 จริง แต่อาการไม่มีแล้ว ในส่วนของทีมแพทย์พยาบาลที่ซักประวัติผู้ป่วยนั้น ไม่มีไอจาม และแพทย์ก็ได้คาดหน้ากากเรียบร้อยในวันสัมภาษณ์ แต่ตอนนี้ทีมแพทย์พยาบาลก็ได้กักตัวตัวเองแล้ว ส่วนพี่น้องประชาชนที่อยู่ในบริเวณบ้านของผู้ป่วยโรคโควิด-19 ตนขอร้องว่าให้มีจิตสำนึกในตัวเอง ขอให้อยู่ในพื้นที่จำกัด อย่าไปสัมผัสใคร หากสัมผัสก็ขอให้ล้างมือ

“สำหรับงานอีเว้นท์ต่างๆ ในช่วงนี้ตนขอความร่วมมือว่า 1.ให้เลื่อนออกไปก่อน ที่เจาะจงวันนั้นวันนี้ก็ขอให้ยกเลิกไป 2.ถ้าขอความร่วมมือแล้วยังติดขัดอีกตนจะใช้อำนาจในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมโรคให้งดจัด ที่แน่ๆ ที่มีการจัดงานในโรงเรียน ซึ่งเป็นกิจกรรมหาเงินให้โรงเรียนนั้นตนได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปแล้ว ส่วนงานวันสตรีสากลที่จะมีขึ้นก็ได้ขอร้องไปแล้ว ซึ่งถ้าไม่ได้ก็จะให้งดหรือเลื่อนออกไป”

นอกจากนี้นายแพทย์กิตติ รัตนสมบัติ ผอ.รพ.ท่าศาลา ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ว่า จากกรณีแถลงการณ์ของโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 4 มี.ค.63 ว่าโรงพยาบาลไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีแต่บุคคลที่อยู่ในระหว่างเฝ้าระวังควบคุมป้องกันโรคเท่านั้น และเมื่อเที่ยงวันที่ 5 มี.ค.63 อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแถลงว่าพบผู้ติดโรคโควิด-19 ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครศรีธรรมราช (ซึ่งคงหมายถึงรพ.ท่าศาลา) แล้วนั้น และสื่อ social ต่างๆ ก็แสดงความเห็นกันมากมายในประเด็นว่า ผอ.รพ.ท่าศาลา ปกปิดข้อมูลไม่เปิดเผยความจริง และอาจทำให้ผู้มารับบริการเสี่ยงต่อการติดเชื้อนั้น ขอชี้แจงดังนี้

1.การตรวจวินิจฉัยที่จะตัดสินใจว่าเป็นโรคอะไรนั้นจะต้องใช้ผลการตรวจ อย่างน้อย 2 วิธีคือตรวจคัดกรอง และตรวจยืนยัน เพื่อนำมาสรุปร่วมกัน ซึ่งขณะออกแถลงการณ์วันที่4นั้นผลการตรวจยืนยันยังไม่ออก

2.โรงพยาบาลได้มีการประสานงาน วางแผนตั้งรับกับโรคโควิด-19 มาตั้งแต่แรก มีการจัดการเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 โดยการจัดจุดคัดกรองผู้ป่วยนอก 2 จุด จัดตั้งคลินิกโรคทางเดินหายใจเฉียบพลัน (ARI clinic) ปิดแอร์ห้องแผนกผู้ป่วยนอก เพิ่มจุดล้างมือ จัดเตรียมบุคลากรและสถานที่ให้พร้อม ผู้ป่วยรายนี้ขณะรอผลยันยืน โรงพยาบาลไม่ได้นิ่งดูดาย ได้ประสานทีมสอบสวนโรคในการติดตามผู้ใกล้ชิดผู้ป่วยหรือมีความเสี่ยงมาตรวจคัดกรอง ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญในการดูแลรักษาโรคโควิด-19 เพื่อให้ผลออกมาดีที่สุด และเมื่อผลออกยืนยันจึงได้เริ่มงานตามแผนที่ได้วางไว้ทันที

3.การจะแจ้งผลการตรวจของผู้ป่วยบางกรณีต้องถือเป็นความลับและต้องคำนึงถึงสิทธิของผู้ป่วยด้วย

4.หน้าที่ในการให้ข่าวโรคติดต่อร้ายแรงนั้นเป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูงเช่น ผู้ตรวจราชการกระทรวง อธิบดี ปลัดกระทรวงเท่านั้น ผมเองก็ไม่มีสิทธิ์ครับ 5.ที่สำคัญผมคำนึงความหวาดระแวง ตื่นตระหนกและวิตกกังวลของผู้คนทุกคนในการมาใช้บริการที่รพ. รวมทั้งคนทั้งอำเภอด้วยครับ

6.หลักการควบคุมป้องกันโรคที่ดี คือ. ทุกๆคนจะต้องถือเสมือนว่าเชื้อโรคมีอยู่ในตัวคนทุกๆคนทุกๆที่ ซึ่งสำหรับโรคโควิด-19 การล้างมือบ่อยๆ การไม่ใช้มือจับสิ่งของทีไม่จำเป็น การสวมหน้ากากอนามัยในที่แออัดหรือเมื่อเป็นหวัด การกินของร้อนและใช้ช้อนกลาง เป็นวิธีปฏิบัติในการป้องกันโรค ซึ่งถ้าทุกคนปฏิบัติตามนี้ก็จะป้องกันโรคได้ ซึ่งในความเป็นจริงเราจะไม่ทราบเลยว่าที่ไหนจะมีเชื้อโรค

7.ในฐานะที่เป็นผอ.โรงพยาบาล เป็นบุคลากรกระทรวงสาธารณสุข ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดความสุขแก่สาธารณะให้จงได้ 8.ด้วยเหตุผลดังกล่าวทั้ง 7ข้อผมจึงได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่4ได้เพียงเท่านั้น อาจจะไม่ถูกใจของหลายๆคน ผมก็พร้อมน้อมรับคำติติงในทุกๆกรณี ขอความเห็นใจและการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการติดเชื้อโควิด-19 ชึ่งอาจจะเป็นปัญหาในเร็วๆนี้ของนครศรีธรรมราชบ้านเรา “ด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธา”