โควิดทำสวนมะม่วงสูญกว่า 2.5 พันล้าน หวั่นราคาดิ่ง

ลดฮวบ - สมาชิกสมาคมชาวสวนมะมว่ งไทยทั่วประเทศไดรั้บผลกระทบอย่างหนักหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยอดขายหายไปมากกว่า 50%

ชาวสวนทั่วประเทศร้องโควิด-19 ทำยอดส่งออกมะม่วงตลาดหลัก “เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น-จีน-รัสเซีย-ตะวันออกกลาง” หายไปมากกว่า 50% เฉพาะตลาดหลักเกาหลีสูญกว่า 2.5 พันล้านบาท ทำราคาดิ่งจาก 70-80 บาท/กก. เหลือ 40-50 บาท/กก. ต้องเร่งระบายขายตลาดภายในประเทศ หวั่นเดือนมีนาคมผลผลิตในฤดูกาลออกราคายิ่งดิ่งหนัก

นายมนตรี ศรีนิล นายกสมาคมชาวสวนมะม่วงไทย เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้สมาชิกสมาคมชาวสวนมะม่วงไทยทั่วประเทศ ประมาณ 500-600 ราย รวมพื้นที่เกือบหนึ่งแสนไร่ กระจายทั่วประเทศ 20 กว่าจังหวัดกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากประเทศผู้ซื้อหลักเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน รัสเซีย ตะวันออกกลาง ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงได้ลดปริมาณการซื้อลง

โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 เคยส่งออกปีละ 8,000-10,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท คนออกมาเดินซื้อของน้อยลง ขณะที่ตลาดยุโรปมีเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายหายไปมากกว่า 50%

ขณะที่การทำตลาดเพื่อหาช่องทางอื่นจำหน่ายค่อนข้างลำบาก ส่งผลทำให้ราคาตกต่ำลง จากปกติทุกปีส่งออกได้ 70-80 บาท/ กิโลกรัม แต่ตอนนี้ต้องขายตลาดในประเทศเหลือ 40-50 บาท/กิโลกรัม ราคาหายไป 50%

“สถานการณ์ขณะนี้ต้องยอมรับความเป็นจริงว่ายอดขายมะม่วงถดถอยลงมาก ซึ่งเป็นปัญหากับผลไม้ทุกชนิด ไม่ใช่แค่มะม่วง จากที่ก่อนหน้านี้เจอสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ แต่ 2 วิกฤตนี้ยังไม่หนักหนา ยังมีช่องทางจำหน่ายมะม่วงได้จากยอดส่งออก 100% อาจจะเหลือ 70% เท่ากับยอดส่งออกหายไปแค่ 30% แต่พอเจอโควิด-19 เข้าไปเงียบมาก ยอดขายหายไปมากกว่า 50% ไม่มีออร์เดอร์เข้ามา เพราะสั่งแล้วไม่มีคนเดินซื้อในห้าง ซึ่งยอดที่หายไปตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์

ซึ่งช่วงนี้ผลผลิตยังออกมาไม่มาก เพราะปัจจุบันมะม่วงที่อยู่ในตลาดเป็นมะม่วงนอกฤดูกาล ที่ออกมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2562 ขณะที่ช่วงเดือนมีนาคมเข้าสู่ฤดูกาลแล้ว” นายมนตรีกล่าวและว่า

เรื่องการแก้ปัญหาต้องหารือกับหน่วยงานภาครัฐ กรมส่งเสริมการส่งออก แต่ช่องทางการทำตลาดค่อนข้างแคบมาก คิดว่าสถานการณ์การระบาดจะเป็นระยะสั้น ๆ จึงให้กำลังใจเกษตรกรทั่วประเทศว่า ต้องทำใจ และพยายามช่วยเหลือตัวเองก่อน เรายังไม่มีทางช่วยเหลือได้มากกว่านี้ ที่ผ่านมาภาครัฐพยายามหาทางระบายสินค้าให้

นายมนตรีกล่าวต่อไปว่า ส่วนใหญ่ตลาดภายในประเทศจะมีคู่ค้าประจำ เช่น ที่อำเภอหนองวัวซอ จะมีตลาด สปป.ลาว และเวียดนาม อีกส่วนคือ ลูกค้าประจำที่เป็นตลาดใหญ่ในกรุงเทพฯ โดยปัจจุบันคนไทยนิยมหันมาบริโภคมะม่วงน้ำดอกไม้มากขึ้น เพราะเป็นสายพันธุ์ที่ส่งออกไปขายต่างประเทศจำนวนมาก และตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูง ซึ่งราคาขณะนี้ชาวสวนพออยู่ได้

“อยากบอกเกษตรกรรอสักพักสถานการณ์คงจะคลี่คลาย อาจต้องใช้เวลา ทุกอย่างที่หายไปจะกลับคืนมา ตอนนี้ผู้ปลูกผลไม้ส่งออกทุกชนิดต่างได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน การขายตลาดภายในประเทศ ต้องทำราคาไม่สูงเกินไป คุณภาพ รสชาติ ความหวาน-ความแก่ ต้องได้ รวมถึงความปลอดภัยด้วย

ด้านนายวิมล สุระเสน นายอำเภอหนองวัวซอ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี ได้ร่วมกับกิ่งกาชาดอำเภอ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ได้ดำเนินการจัดงาน “กาชาดมะม่วงแฟร์ ของดีหนองวัวซอ ประจำปี 2563” ขึ้น โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 30″

สำหรับอำเภอหนองวัวซอ มีพื้นที่ปลูกมะม่วง เป็นอันดับ 1 ของจังหวัดอุดรธานี โดยมีพื้นที่ปลูกทั้งหมด 5,893 ไร่ เกษตรกร 455 ครัวเรือน มีผลผลิตทั้งนอกฤดูและในฤดู ประมาณ 6,500 ตันต่อปี เฉลี่ย 1,250 กิโลกรัมต่อไร่ และสามารถส่งออกมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง, มะม่วงน้ำดอกไม้ เบอร์ 4 ไปยังต่างประเทศ